วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลัลล้า @ (Review: สวิส ตอนที่ 5 Interlaken Spiez Bern)


วันที่ 9 Interlaken ตอน2  & Spiez & เมืองหลวง Bern


วันนี้จะขอพาชมบรรยากาศในตัวเมือง
Interlaken กันบ้าง หลังจากที่เมื่อวานไปตะลุยความหนาวแบบอุณหภูมิติดลบกันไปแล้ว หลังจากทานอาหารเช้าฟรีเรียบร้อย ก็พร้อมออกเดินทาง ออกมาเริ่มที่หน้าสถานี Interlaken West (หมายเลข 2) ที่ถนนBanhhofplaz ซึ่งจะมีท่ารถเมล์ใหญ่ ท่าเรือ บริการรถม้าให้นั่ง อีกทั้งยังเป็นแหล่งของห้าง Migros อยู่ตรงข้าม รวมถึงร้านอาหารต่างๆนาๆ และร้านขายของที่ระลึก (ที่หน้าสถานีรถไฟให้ไปเช็คเวลาเดินเรือ ก่อน หากจะทานข้าวเที่ยงบนเรือ ก็เช็คเวลาเดินเรือประมาณ 11:00-12:00 )  เดินไปตาม ถนน ที่มุ่งหน้าไปยัง Interlaken Ost จะไปเจอถนน HOHEWEG ผ่านสวนสาธารณะใจกลางเมือง พบเสาแปลกๆ เข้าไปดูซะหน่อย รอบๆเสา จะมีเครื่องวัดต่างๆนาๆ ที่เคยเห็นสมัยเรียน อาทิเครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดการสั่นสะเทือน 


สถานี Interlaken West

ท่าเรือ




 เสาบอกอุณหภูมิ ความดัน แผ่นดินไหว อะมั๊ง

ฝั่งตรงข้ามสวนสาธารณะ จะได้พบกับโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งคือ Victoria Jungfrau Grand Hotel ซึ่งเปิดมาแล้วกว่า 150 ปี เดินถัดมาจะเจอกับร้าน Kirchhofer Interlaken ร้านช๊อบนาฬิกาขนาดใหญ่อีกแล้ว ถ้าอยู่นานก็หมดตัวกันได้ทีเดียว

 โรงแรม Grand Hotel


 สวนสาธารณะใจกลางเมือง
 เมื่อผ่านร้านละลายทรัพย์มาได้ก็จะเจอกับสะพาน Beaurivagebrucke อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งจะมีรถไฟขึ้นเขา Harder Kulm ไปชมวิวจากบนยอดเขาสูงกว่า 1.3 km ของเมือง Interlaken จากมุมสูง และภัตตาคารด้านบน หากใครไปแล้วอย่าพลาดเลยทีเดียว ยิ่งถ้าในวันฟ้าใส สามารถมองเห็นจุงเฟรา ได้เลยทีเดียว








รถไฟขึ้นเขา  Harder Kulm

หากใครยังไม่เบื่อกับการนั่งเรือ แนะนำ ให้ไปล่องเรือ ชมทะเลสาบ Thun ชมความโรแมนติกของภูเขาที่โอบล้อมทะเลสาบกันก่อน พร้อมทานข้าวเที่ยงบนเรือ ก่อน จะไปเที่ยวเมืองหลวง Berne กัน เราสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งรถเมล์ หรือรถไฟ จากหน้าสถานี Interlaken Ost กลับมาที่ท่าเรือตรงหน้าสถานี Interlaken West ก็ได้

ที่ท่าเรือเพียงแสดงบัตร Swiss Pass กับเจ้าหน้าที่ก็สามารถขึ้นได้เลย ซึ่งถ้าเราได้ Upgrade เป็นตั๋วชั้น 1 จะมีสิทธิขึ้นไปนั่งในภัตตาคารชั้นบน พร้อมชมวิวแบบ Panorama แค่เพียงเรือเริ่มแล่นออกจากท่า ก็สัมผัสกับความเย็นของลมเย็นๆที่มาปะทะหน้า น้ำในแม่น้ำที่เป็นสีเขียวส่องประกาย  ท่าเรือปลายทางที่เราจะลง คือท่าเรือ Spiez เพื่อไปชมบรรยากาศชนบทของประเทศสวิสกัน






 บรรยากาศบนทะเลสาบ Thun

ทานข้าวเที่ยงกันก่อน กับชุด Lunch Set บนเรือหรู 

เรือจะใช้เวลาไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมง แต่นั่งมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ก็เมื่อยก้นซะแล้ว ถ้านั่งต่อสงสัยจะก้นชาแน่ๆ เป้าหมายจึงตั้งใจจะลงที่ท่าเรือ Spiez เมื่อลงมาแล้ว เราจะเดินไปยังสถานีรถไฟ เพื่อต่อไปยังเมืองหลวง Bern กันแทน เส้นทางจากท่าเรือ ไปสถานีรถไฟจะต้องเดินขึ้นเขากันพอสมควรสังเกตุป้ายสถานีรถไฟก็ให้เดินตามไปเรื่อยๆไม่ยาก รับรองว่าคุ้มค่าจริงๆ

ท่าเรือ Spiez จากมุมสูง


จุด Hilight ของเมืองนี้ คือปราสาท Schloss Spiez สไตล์  Vintage ซึ่งตั้งอยู่เนินเขา ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะต้องเสียค่าเข้าด้วย รอบๆจะมีสวนดอกไม้สวยงาม สีสรรสดใส ด้านข้างก็จะมีโบสถ์ Schlosskirche Spiez สำหรับชาวเมือง สำหรับในช่วงฤดูร้อน จะมีรถไฟชมเมืองจากท่าเรือ พาชมบรรยากาศโดยรอบอีกด้วย
ปราสาท Schloss Spiez 
โบสถ์ Schlosskirche Spiez 



บรรยากาศรอบๆเมือง Spiez
รถไฟชมเมืองจะให้บริการในช่วงพฤษภาคม ถึง ตุลาคม

รถไฟจาก Spiez ที่จะไป Bern จะมีชั่วโมงละ 2-3 ขบวน และใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมง ดังนั้นเราจะไปถึง Bern ในช่วงบ่ายๆ


ตารางเดินรถ

เมืองหลวงเบิร์น - Berne
                  คำว่า Bern มาจาก "Baren" ในภาษาเยอรมันที่แปลว่า "หมี" ทำให้มีสัญลักษณ์ของเมืองเป็นรูปหมี เบิร์นเป็นเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ และโรแมนติก สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้ว โดยมีแม่น้ำ Aare ล้อมรอบตัวเมือง แม่น้ำแห่งนี้เปรียบเหมือนปราการธรรมชาติ ซึ่งป้องกันเมืองไว้ทั้งสามด้าน เบิร์นมีการรักษาผังเมืองให้มีสภาพดังเดิมตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาจึงทำให้องค์การยูเนสโกยกเมืองเบิร์นให้เป็นเมืองมรดกโลกแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นบ้านที่ทำงานของนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อีกด้วย
สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจได้แก่ พิพิธภัณฑ์บ้านไอน์สไตน์ เลขที่ 49 ถนนแครมกาซเซ่ (Kramgasse), Bearpark, ย่านเมืองเก่าถนน มาร์คท์กาซเซ่ ( Marktgasse), น้ำพุ Fontaine de Tireur, หอนาฬิกา Zeitglockenturm


แผนที่เมือง Bern

หมายเลข 1 สถานีรถไฟ
หมายเลข 2 Prison Tower
หมายเลข 3 House of Parliament
หมายเลข 4 หอนาฬิกา Zytgloggeturm
หมายเลข 5 บ้านไอน์สไตน์
หมายเลข 6 Bear Park
       จากหน้าสถานีรถไฟ เดินข้ามถนนมาเรื่อยๆ ตามถนน Spitalgasse ก็จะเจอ Prison Tower (Kafigturm) ซึ่งเปรียบเสมือนป้อมปราการประตูเมืองทางด้านตะวันตกของกรุงเบิร์น ในอดีตใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ ปัจจุบันนี้ ถูกใช้เป็นที่จัดนิทรรศการทางการเมือง และจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในช่วงที่มีนิทรรศการเท่านั้น

ภาพหน้าสถานีรถไฟ Burn



 Prison Tower Kafigturm

บริเวณนี้ทางด้านขวามือ จะมองเห็นอาคารรัฐสภา (House of Parliament) หรือที่เรียกว่า Bundeshaus และลานด้านหน้ารัฐสภา เป็นสถานที่ทำงานของรัฐบาลกลาง ส่วนลานด้านหน้าของรัฐสภานั้นเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสวิสเซอร์แลนด์เลยทีเดียว บริเวณนั้นจะมีน้ำพุหลายๆ จุดพวยพุ่งขึ้นมา เหมือนกับน้ำพุเต้นระบำ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่นี่ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มักจะมาวิ่งเล่นบริเวณน้ำพุอย่างสนุกสนาน (เราก็แอบไปเล่นเหมือนกัน 555 )



อาคารรัฐสภาประจำเมือง Bern

จากนั้นเดินย้อนกลับมาที่ Prison Tower และตรงต่อไป ตามถนน Markt gasse ซึ่งเป็นย่าน Shopping เก่าของเมือง มีร้านค้ามากมายแถวนี้ดึงดูดใจอีกแล้ว ถ้าเดินตรงไปจะพบกับหอนาฬิกาขนาดใหญ่  (Zytgloggeturm) เป็นหอนาฬิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรุงเบิร์น มีการติดตั้งนาฬิกาดาราศาสตร์ไว้ด้วย ในทุกๆ ชั่วโมง จะมีตัวตุ๊กตาต่างๆ ทั้งคน สิงโต หมี ที่ติดตั้งอยู่ออกมาหมุนไปรอบๆ มีไก่ออกมาขัน มีตัวตลกออกมาเต้นให้ได้ชมกัน ถ้าไปชมหอนาฬิกากันแล้ว ก็น่าจะอยู่รอชมกันเสียหน่อย และถ้าหากสนใจ ก็สามารถเสียเงินเดินเข้าไปชมด้านในของหอนาฬิกาได้



หอนาฬิกา Zytgloggeturm 

 เดินต่อไปยังถนน Kramgasse เพื่อไปเยี่ยมชมบ้านของยอดนักวิทยาศาสตร์ ที่เราเคยเห็นแต่ในตำราเรียน บ้านของไอน์สไตน์



 ไอน์สไตน์


 ภาพ ห้องนั่งเล่น ของไอน์สไตน์

แน่นอนว่าถ้ามาถึงเมืองหมีแห่งนี้แล้ว ก็ต้องแวะเวียนไปเยี่ยมหมีกันเสียหน่อยที่ จากถนน Kramgasse เดินตรงไปทางแม่น้ำ ข้ามสะพาน Nydeggbrucke จะพบกับบ่อหมี (Bear Pit) อยู่ใกล้ๆ กับแม่น้ำ Aare ซึ่งเราสามารถให้อาหารหมีได้ด้วย (ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.berninfo.com/en/page.cfm/Nachwuchs)



บ่อหมี สัญลักษณ์ประจำ Bern
แม้แต่ไฟแดงที่นี่ ก็มีสำหรับจักรยานด้วย

กิจกรรมยามว่างของชาวเมือง bern เมื่อเดินไปตามสวนสาธารณะต่างๆก็เจอกับ กระดานหมากรุก ยักษ์

เดินเที่ยวกันจนเมื่อย ก็นั่งรถรางกลับมาที่หน้าสถานีรถไฟ Burn เพื่อต่อรถไฟกลับไปพักยัง Interlaken West  ซึ่งรถไฟมีออกทุกครึ่งชั่วโมง และใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

 ตารางรถไฟ เพื่อกลับ Interlaken

กลับถึงที่พักแล้วเราก็แวะทานข้าวที่ร้านเกาหลี แถวสถานีรถไฟ จากนั้นก็ซื้อของฝากที่หน้าสถานี อ้อถ้าใครจะซื้อช๊อกโกแลตไปฝากก็แนะนำให้ซื้อจากที่นี่ได้เลย เสร็จแล้วก็กลับไปแพ็คกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางไกลอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เพื่อเดินทางไปยังอิตาลี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น