วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลัลล้า @ (Review: อิตาลี ตอนที่ 4 โรม)



กรุงโรม (Rome) เป็นเมืองหลวงและถือเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เช่น อนุสาวรีย์กษัตริย์วิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 สนามกีฬาโคลอสเซียม น้ำพุเทรวี และบันไดสเปน เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปา แห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย 

เสน่ห์ของกรุงโรมที่ทำให้ทุกคนหลงรักไม่ได้มีอยู่เพียงแค่ตามแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้เท่านั้น แต่แฝงอยู่แทบทุกตรอกซอกซอยในโรมทำให้ผู้ที่ได้มาสัมผัสซาบซึ้งกับประโยคที่ว่า "กรุงโรมมิได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว" เพราะทั้งหมดทั้งมวลที่รวมกันเป็นโรมนี้ เป็นความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมมนุษย์ที่สั่งสมกันมาหลายชั่วอายุคนเลยทีเดียว
 สถานที่ท่องเที่ยวหลายที่ห่างกันพอสมควร แนะนำให้ศึกษาเส้นทางรถไฟ หรือรถเมล์เอาไว้บ้าง โดยสามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้บริการ หรือตามร้านที่มีสัญลักษณ์ห Tobacco ทั่วไป

ออกเดินทาง
จาก Florenze ใช้เวลาไป Rome ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งสำหรับการนั่งรถไฟเร็ว แต่หากต้องการจะประหยัดค่าตั๋วรถไฟ ให้ซื้อเป็นประเภท IC จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานี Florence (Rifredi) ดังนั้นเมื่อมาถึงสถานี Florence (SMN) ก็ซื้อตั๋วเที่ยวเดียว ราคา 1 ยูโร ไป Florence (Rifredi)




ตัวอย่างตารางเดินรถไฟจาก Florence ไป Rome

เมื่อมาถึงสถานี Roma Termini ซึ่งจะเป็นสถานีรถไฟสายหลักของโรม รวมถึงเป็นจุดต่อรถไฟใต้ดิน (Metro) บริเวณด้านหน้าก็จะเป็นท่ารถเมล์ ใหญ่ ซึ่งมีวิ่งไปทุกจุดในเมือง ทำให้การเดินทางค่อนข้างสะดวก ดังนั้นโรงแรมที่เราเลือกไว้จึงเน้นให้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Roma Termini เพราะยังไงเกิดอะไรขึ้นก็ไม่หลงแน่นอน
โรงแรม Hotel Marcantonio  
ระดับ 2 ดาว
Feeback 7.9
ราคา Double Room ราคาเริ่มต้นที่ 45 ยูโร
แผนที่โรงแรม Marcantonio

โรงแรม Marcantonio เป็นโรงแรมที่อยู่บนชั้น 5 ซึ่งที่อิตาลีเป็นเรื่องปกติที่ตึก 1 หลังจะมีหลายโรงแรมรวมอยู่ด้วยกัน ดังนั้น ต้องสังเกตป้ายที่หน้าตึกพอสมควร เพราะจะมีป้ายของหลายๆโรงแรมติดรวมกันอยู่ ห้องพักด้านบนก็สะดวกสบายแถมเจ้าของโรงแรม ยังอัพเกรดให้เราเป็นแบบห้องน้ำในตัวด้วยเพราะห้องว่างพอดี แหมโชคดีจังเลย



 
โรงแรม Marcantonio

ศึกษาเส้นทาง
การเดินทางในตัวเมือง โรม เองสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไฟ (Metro) การนั่งรถเมล์ หรือการซื้อตั๋วนั่งรถเปิดหลังคาชมเมืองแบบ 1 Day Trip สำหรับรถไฟออกทุกๆ 7-10 นาที เริ่มวิ่งตั้งแต่ 5:30am ถึง 11.30pm ทุกวัน เส้นทางของรถไฟจะมี 3 สาย คือ สายสีแดง M A  สายสีน้ำเงิน M B  และสายสีเขียว ที่วิ่งไปสนามบิน FIUMICINO ( Da Vinci )
เส้นทางเดินรถไฟของ Rome


แผนที่กรุงโรม
ตั๋วโดยสารรถไฟกับตั๋วรถเมล์จะเป็นตั๋วเดียวกันราคา 1 ยูโรต่อเที่ยว แต่ถ้าเป็นตั๋วรถไฟจะนั่งได้เพียงแค่ 1 เที่ยวเท่านั้น ถ้าเป็นตั๋วรถเมล์จะนั่งกี่เที่ยวก็ได้ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ( 75 นาที ) ให้ดูวิธีการซื้อตั๋วได้จากท้ายเล่ม
ตั๋วรถโดยสาร 
หากว่าคุณวางแผนว่าจะเข้าพิพิธภัณฑ์หลายๆแห่งแล้วก็มีตั๋วอีกประเภทที่น่าสนใจนั่นคือ Roma Pass ซึ่งสามารถใช้ขึ้นรถบริการสาธารณะได้ทุกประเภท (ยกเว้น City Sightseeing Bus) และใช้เป็นบัตรผ่านเข้าพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญๆได้ฟรี 2 แห่ง โดยไม่ต้องไปเข้าคิวใดๆอีก (และใช้เป็นบัตรส่วนลดของแห่งที่ 3 เป็นต้นไป) มีอายุการใช้งาน 3 วัน ราคา 23 ยูโร สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตาม Tourist information หรือจะซื้อ online ล่วงหน้าแล้วระบุสถานที่ที่จะไปรับบัตรก็ได้ ดูรายละเอียดได้ที่ (http://www.romapass.it/)

ตั๋ว Roma Pass

สำหรับผู้ที่มีงบเหลือ รถประเภท City Sightseeing Bus หรือพวกรถท่องเที่ยว Hop-on Hop-off ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี รถจะวิ่งตาม Route ท่องเที่ยวที่สำคัญๆ ภายในหนึ่งวันสามารถจะขึ้น หรือ ลง ที่ป้ายไหน ก็ได้ไม่จำกัด ราคาตกคนละประมาณ 15 ยูโร สามารถซื้อตั๋วบนรถได้เลย

ตะลุยกรุงโรม
แผนที่เที่ยวโรม วันแรก 

หลังจากเก็บข้าวของกันเรียบร้อย สถานที่แรกที่ใกล้ที่สุด คือ โคลอสเซียม (Collosium หรือ Colloseo) หากนับจากสถานี Roma Termini ก็ให้เดินตามถนน Cavour ซึ่งก็คือเส้นหน้าโรงแรมลงมาเรื่อยๆ จะผ่านโบสถ์มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร (Basilica di Santa Maria Maggiore) หรือชื่ออื่นๆ ที่เป็นที่รู้จักกันในภาษาอิตาลีคือ Basilica di Santa Maria della Neve มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร เป็นมหาวิหารนิกายโรมันคาทอลิกของกรุงโรม เป็นหนึ่งในสี่ของมหาวิหารเอก หรือมหาวิหารของพระสันตะปาปา อีกสามแห่งที่เหลือคือ มหาวิหาร St. John Lateran  มหาวิหาร St. Lawrence outside the Walls และ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ หรือ St. Pietro
สถานี Roma Termini

ป้ายชี้ทางไป โคลอสเซียม หรือในภาษาอิตาลี คือ Colloseo



 มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร

กลับมาเดินบนถนน Cavour ลงมาเรื่อยๆ จนเลยสถานีรถไฟใต้ดิน Cavour แล้วจะมองเห็น โคลอสเซียมอยู่ทางซ้ายมือ ก็ให้เดินลัดไปเรื่อยๆ จะโผล่มาที่บริเวณโคลอสเซียมพอดี หรือสามารถขึ้นรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Colosseo ก็ได้

โคลอสเซียม

 โคลอสเซี่ยมสร้างขึ้นในสมัยยุคโรมัน เป็นสนามกีฬาขนาดยักษ์ที่สามารถจุผู้คนได้มากกว่า 50,000 คน  ใต้อัฒจรรย์และใต้ดินมีห้องไว้ขังสิงโต และนักโทษที่รอการประหารนับร้อยห้อง มีขนาดใหญ่วัดได้โดยรอบ 527 เมตร สูง 57 เมตร บางครั้งใช้เป็นที่ประลองความเก่งกล้าของบรรดา เหล่านักรบ และอัศวิน ในยุคนั้น ปัจจุบันเหลือเพียงแต่ซากของโครงสร้างอันใหญ่โตมโหฬาร 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ด้านข้างของ โคลอสเซียมจะมองเห็น ประตูชัยคอนสแตนติน (Arch of Constantine) สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ สร้างขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ที่มีชัยชนะเหนือ Maxentius ในสงคราม Battle of Milvian Bridge และประตูชัยแห่งนี้ยังเป็นต้นแบบของประตูชัยที่ฝรั่งเศสอีกด้วย


โคลอสเซียมมุมอื่นๆ

ตั๋วเข้าชม โคลอสเซียม


ภายในสนามโคลอสเซียม




บรรยากาศภายใน 


ชุดนักรบ Gradiator


แท่นหินและภาพวาดบอกเล่าเรื่องราว 


มุมสูง ของโคลอสเซียม
ยามค่ำคืน ของโคลอสเซียม
นักรบรับจ้างเป็นนายแบบถ่ายรูป

ประตูชัยคอนสเตนติน
ด้านข้างของประตูชัยจะเป็น โรมันฟอรั่ม (Foro Romano) เป็นศูนย์กลางของการเมืองการปกครองของกรุงโรมสมัยก่อน กิจกรรมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง การปราศรัย การเสวนาแลกเปลี่ยน การฟ้องร้อง ต่างก็เกิดขึ้นที่นี้ทั้งสิ้น








โรมันฟอรั่ม 
 หลังจากนั้นเดินเลาะไปเรื่อยๆตามถนน Via dei Fori Imperiali ด้านหน้า โคลอสเซียม จะมาเจอกับ บริเวณจตุรัส Piazza Venezia  จัตุรัสนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม สถานที่ที่โดดเด่น น่าสนใจ และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงโรม ได้แก่ อนุสรณ์สถานของวิคเตอร์ เอ็มมานูเอล ที่ 2 ( Victor Emmanuel II Monument ) และ วังเวเนเซีย ( Palazzo Venezia )

อนุสรณ์สถานของวิคเตอร์ เอ็มมานูเอล ที่ 2 ( Victor Emmanuel II Monument ) แห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่กษัตริย์วิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 กษัตริย์คนแรกของประเทศอิตาลี และเพื่อเฉลิมฉลองการรวมประเทศ ด้วยวัตถุหลักที่ใช้ในอนุสรณ์สถานแห่งนี้เป็นหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่มากมาย จึงช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวอนุสรณ์สถานแห่งนี้ได้อย่างมาก ปัจจุบันใช้เป็นอนุสรณ์สถานสำหรับทหารนิรนาม ที่เสียชีวิตในสงคราม








ภาพ อนุสรณ์สถาน วิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 

วังเวเนเซีย ( Palazzo Venezia ) ถ้ามองตรงมาจากจัตุรัสเวเนเซียจะเห็นวังเวเนเซียอยู่ทางด้านซ้าย วังแห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1455 ถึง ค.ศ. 1464 เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลโดยนักบวช Pietro Barbo ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นโป๊ปพอลที่ 2 จัดได้ว่าวังนี้เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างในยุคเรอเนสซองส์ ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโรม ในปี ค.ศ. 1916 Benito Mussolini อดีตผู้นำลัทธิฟาสซิสต์ของอิตาลีใช้เป็นศูนย์กลางในการบัญชาการปัจจุบันวังเวเนเซีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมวัตถุโบราณมากมายในสมัยเรอเนสซองส์ เปิดให้ชมได้ในวันอังคารถึงวันเสาร์ เวลา 9.00 - 14.00 น. วันอาทิตย์ เวลา 9.00- 13.00 


ภาพ วังเวเนเซีย
เมืองโบราณโรมัน (Campidoglio, Capitoline) อยู่บนเนินเขาคัมปิโดลยิโอ ใกล้ๆกับ อนุสรณ์สถานของวิคเตอร์ เอ็มมานูเอล ที่ 2 เคยเป็นศูนย์กลางความเจริญของโรมันโบราณ ได้รับการบูรณะ และออกแบบโดยไมเคิล แองเจโล ในปี ค.ศ. 1538 ตรงกลางเป็นรูปหล่อบรอนซ์จำลองของจักรพรรดิมาร์คุส ออเรลิอุส จากด้านบนนี้จะสามารถมองลงไปเห็น โรมันฟอรั่มที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน



 ภาพ Campidoglio

หลังจากเที่ยวครบหมดตรงนี้แล้ว ก็หัวค่ำพอดิบพอดี หาพิซซ่าร้อนๆ ทาน หรือจะเดินกลับไปยังถนนเส้น Cavour ก็มีร้านอาหารจีนราคาไม่แพง ให้เลือกรับประทาน สำหรับใครที่อยาก Shopping อดใจไว้รอพรุ่งนี้ วันนี้พักผ่อนกันให้เพียงพอ เพราะพรุ่งนี้อาจจะต้องเดินกันเยอะพอสมควร 
แสงไฟริมทางในกรุงโรมเริ่มสว่าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น