วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิธีจองตั๋ว AirAsia สำหรับมือใหม่

ขออนุญาต เขียนคู่มือวิธีการจองตั๋ว เครื่องบิน AirAsia หรือที่พี่ๆ เพื่อนๆ เรียกกันจนติดปากว่า "หางแดง"

ให้สำหรับมือใหม่ หัดจอง เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง ใครที่เป็นเซียน หรือเทพแล้ว ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย  555

ป.ล. หน้าจอ Screen Capture อาจจะไม่ตรงซะทีเดียว หากทางเว็บไซต์มีการอัพเดต


นาทีทอง ศึกแห่งการแย่งชิง



เวลาที่ทุกคนรอคอย หรือเรียกง่ายๆ ตาม Concept ของสายการบินนี้ ว่า โปร 0 บาท  ส่วนใหญ่เราต้องคอยติดตามข่าวสาร จากหน้าเว็บ หรือ อีเมล์ ที่เพื่อนๆชอบ Fwd มาให้ (แหม มันยั่วจริงๆ ) ระบบจะเริ่มเปิดให้จองประมาณ 5 ทุ่ม บ้านเรา เพราะว่าจะเป็นเวลา เที่ยงคืนของที่มาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศแม่ ของสายการบินหางแดง แห่งนี้ 

ช่วงนี้จึงเป็นช่วงนาทีทองจริงๆ ใครเร็วกว่าก็ได้ไป ความยากมันอยู่ตรงนี้ เพราะว่า หลังจากที่ระบบเปิดให้ทำการ ลงทะเบียนแล้ว จะเป็นจังหวะที่ Server ช้ามากๆ หน้าจอมีโอกาส Time out ได้บ่อยๆ อาการก็คือกดคำสั่ง หรือเปิดหน้าจอแล้วค้าง หรือไม่ขึ้น 


เลือกวันเวลาที่มี โปรโมชัน








ราคาโปรโมชันแบบนี้ แน่นอนว่าไม่มีในวันเทศกาลหรือช่วงที่คนเดินทางเยอะๆอยู่แล้วแน่นอน ดังนั้น ขอให้จัดทำตารางเที่ยวล่วงหน้า และเผื่อเลื่อนขึ้นลงได้พอสมควร จะให้ลงตัวช่วงวันหยุดยาวของเราเป๊ะ หรือเจาะจงเสาร์อาทิตย์ก็ค่อนข้างยาก  อีกอย่างที่สำคัญคือ ณ ขณะจองจะต้องมีคนที่ตัดสินใจได้อยู่ด้วย เช่น ถ้าไปกับแฟนก็ต้องอยู่ ณ ตอนนั้นด้วยเพราะถึงเวลาหน้างานแล้วหากมีการเลื่อนหรือปรับเปลี่ยนวัน ก็ต้องตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไปทันที เพราะไม่งั้นแป๊บเดียวตั๋วก็อาจถูกคนอื่นจองไปแล้ว


พิมพ์ให้ไว ไปให้ถึง






ในช่วงเวลาของการกรอกข้อมูล detail ในส่วนของ Information ของผู้เดินทาง จะมีเวลาให้เรากรอกเอกสาร
เพียงแค่ 9 นาที เท่านั้น ไม่อย่างนั้น ระบบจะ Time out แล้วต้องเข้ามาใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้ตั๋วโดนคนอื่นจองไปแล้วก็ได้ เทคนิคคือให้กรอกเฉพาะในช่องที่มีดอกจันทร์ก่อน ส่วนในช่องอื่นๆให้ เว้นไว้ เราสามารถมาเพิ่มได้ภายหลัง แต่ให้ระวังข้อมูลสำคัญที่จะกรอกคือ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด จะต้องตรงกับ Passport  
* เพิ่มเติม  แนะนำให้ Register Account กับ Air Asia เอาไว้ก่อน รวมถึง ใส่ Guest ที่ร่วมเดินทางกับเราบ่อยๆ (เช่นผบ.ทบ. ที่ออกงบให้อะครับ 555  หรือเพื่อนสนิ๊ดดดด สนิท )  เมื่อถึงเวลาจองตั๋ว ในหน้า Guest Detail เราก็สามารถเลือก รายชื่อเก่าๆ ที่เราเคย Add เอาไว้มาใส่ได้เลย  ^^

วางแผนการขนน้ำหนักล่วงหน้า Shopping สบายใจ




สำหรับสายการบิน Low Cost เรื่องของน้ำหนักกระเป๋าเดินทางนั้น สำคัญมาก ปกติแล้วหากเป็นสายการบินต่างประเทศ ถ้าไม่มีกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่องเลย ก็ไม่คิดค่าบริการซึ่งคงจะเป็นไปได้สำหรับทริป ฮันนีมูนอย่างเราๆ ดังนั้น สิ่งที่ต้องวางแผนคือ น้ำหนักกระเป๋าก่อนเดินทาง และน้ำหนักกระเป๋าขากลับจากเดินทาง เพราะราคาจะแตกต่างกัน
เช่น 15 kg คิด 200 บาท
     20 kg คิด 300 บาท
        30 Kg คิด 400 บาท  
ถ้าเราวางแผนว่าไปแล้วจะ Shopping ขนของกลับมากันด้วย ขากลับก็ให้ซื้อ Package น้ำหนักกระเป๋าไปเลย เช่น 15 kg ในขาไป และ 30 kg ในขากลับ  ดังนั้นก็จะเสียเพิ่มอีก 600 บาท แต่ดีกว่าที่เราจะไปจ่ายตังค์เพิ่ม บริเวณหน้า counter เพราะที่จุดนั้น จะคิดราคาค่อนแพงมาก แถมนับน้ำหนักกันเป็น กิโลกรัม เลยทีเดียว

ป.ล.หากทำการจองตั๋วพร้อมกัน ทางสายการบินอนุญาตให้คิดเป็นน้ำหนักรวม เช่นไปสองคนกะแฟน จองตั๋วพร้อมกัน ปกติ กระเป๋าคนละใบ ใบละ 15 kg สามารถรวมกันเป็น 30 kg ได้ โดยคนนึงอาจจะ 10 kg อีกคน 20 kg ก็ได้   

เมื่อกด Next แล้ว ระบบจะสอบถามว่าต้องการเลือกที่นั่งหรือไม่ ซึ่งถ้าต้องการระบุที่นั่งจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติม



 ประกันใครคิดว่าไม่สำคัญ




บางคนคิดแต่จะขอซื้อตั๋วราคาให้ถูกที่สุด แต่อย่าลืมว่า ประกันก็สำคัญมากๆ ยิ่งสำหรับการเดินทางต่างประเทศแล้ว หากเราเป็นอะไรไปขึ้นมามันจะไม่คุ้ม ในช่วงของการเลือกซื้อ จะมีให้เลือกประกันการเดินทางด้วย ก็ควรจะยอมจ่ายซะหน่อย เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
ในหน้าถัดมาระบบจะให้เลือกว่าจะซื้อประกันการเดินทางหรือไม่ให้ ติ๊กในช่อง ตกลง แล้วกด Next

สังเกตุราคารวมจะอยู่ในฝั่งขวามือ

บัตรเครดิต พร้อมหรือยัง







ในการชำระค่าบริการสินค้าทางอินเทอร์เนตคงหนีไม่พ้น บัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นของเจ้าไหนๆ เตรียมไว้ให้พร้อมในหน้ากรอกข้อมูล เพราะทุกนาทีมีค่า กรอกให้เรียบร้อย แล้ว กด Accept ระบบจะแจ้งเตือนมายัง email
ที่กรอกเอาไว้  บัตรเครดิตบางยี่ห้อก็มี SMS ส่งมาทันทีว่าได้  ตรงนี้ต้องระวังให้ดี เพราะบางจังหวะมีคนเคยพลาดช่วงการกด Accept สุดท้าย แล้ว ปรากฏว่าบัตรเครดิตถูกหักเงินไปแล้ว แต่ตั๋วไม่ได้ เนื่องจากระบบมีข้อผิดพลาด  ให้ทำการเช็คอีเมล์ทันที เพราะถ้าได้จะต้องมี email confirmation ส่งมาให้ เช็คชื่อ วันเวลา ว่าได้ตามที่เรา เลือกไว้หรือไม่


เพิ่มเติม ให้นิดนึง สำหรับ คนที่จองตั๋ว เดินทางภายในประเทศ Air asia กับ SCB ธ.ไทยพาณิชย์
จับมือกัน เรื่องระบบ Payment  ทำให้เวลาชำระเงินสามารถ หักจากบัญชี SCB ได้โดยไม่เสียค่า
ใช้จ่ายครับ  หากจ่ายผ่านบัตรเครดิต จะเสีย ค่าบริการ เพิ่มเติมครับ

ต้องอ่านนน !!!!   ปัญหาที่พบบ่อยๆในช่วง Big Sale ก็คือ ระบบมักจะล่ม ระหว่างเราทำการจอง
โดยเฉพาะช่วงจ่ายเงิน  ขอยกตัวอย่างจากเว็บ Pantip  เป็นกรณีศึกษานะครับ


*** จำไว้นะครับว่า ถ้าเกิดกรณี error ระหว่างระบบทำการจ่ายเงิน ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม อย่าจองซ้ำ
เด็ดขาด  ให้รอซัก 1 วัน เพื่อรอดูว่าจะมี e-mail ยืนยันมารึป่าว หากไม่ได้ ให้โทรเช็คบัตรเครดิต
ว่ามีการตัดยอดไปหรือไม่ ซ้ำอีกที เพื่อความปลอดภัย

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลัลล้า @ ยุโรป (ตอนที่ 8: อื่นๆที่ควรทราบ)


อื่นๆที่ควรทราบ

การซื้อตั๋วจากเครื่องจำหน่ายบัตรอัตโนมัติ

อิตาลี จะมีตู้ขายบัตร 2 ประเภท แบบแรกสำหรับขายตั๋วรีเจียน (region) สำหรับซื้อตั๋วรถไฟไปเมืองอื่นๆ รวมถึงตั๋วรถไฟไปสนามบิน   และประเภทที่ 2 เป็นตู้ขายตั๋วทั่วไป สำหรับโดยสารรถเมล์ หรือ รถไฟใต้ดิน
วิธีการซื้อตั๋วรีเจียน
ลักษณะของตู้ประเภท รีเจียน จะสามารถชำระเงินได้ทั้งแบบเงินสด หรือบัตรเครดิต
 ภาพตัวอย่างหน้าจอ

ตู้ขายตั๋วแบบ รีเจียน  

วิธีการซื้อมีดังนี้
1. เลือกภาษาเป็นภาษาอังกฤษ
2. เลือก สถานีปลายทาง ซึ่งในหน้าจอ จะมีเมนูลัดเพื่อเลือกซื้อตั๋วสถานที่หลักๆ เช่น สนามบิน FIUMINO  หรือ หัวเมืองต่างๆใกล้เคียงเช่น ปีซ่า Pisa
3. หากว่าไม่มีชื่อที่เราต้องการ ให้เลือก Other
4. หน้าจอจะปรากฏตัวอักษรตามหมวด ให้เรากด Next เพื่อเลื่อนไปหน้าจอถัดไป หากยังไม่พบสถานีปลายทางที่ต้องการ
5. เมื่อเจอแล้วจะมีตัวเลขให้กด สำหรับสถานี เมื่อกด เรียบร้อย
6. ระบบจะสอบถามว่าต้องการซื้อประเภทไหน ให้เลือกเป็น Standard
7. เครื่องจะสอบถามวีธีการชำระเงิน ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ Credit Card , Money Card (สำหรับคนในอิตาลี )     เราก็เลือกที่ Credit Card
7.ทำการสอดบัตรเข้าไป เครื่องจะขึ้นว่า In Progress เมื่อเรียบร้อย เครื่องจะแจ้งให้ทำการนำบัตรออก
                   แล้วรอเครื่องพิมพ์ตั๋วออกมา
ก่อนขึ้นรถไฟ จะมี ตู้สีเหลืองให้เราไปทำการ Stamp Time ก่อน ขึ้นรถไฟ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าไม่ทำการ Stamp อาจจะถูกปรับได้




เครื่องแสตมป์ตั๋ว

ตั๋วโดยสารรถเมล์และรถไฟใต้ดินที่ Rome จะใช้ตั๋วเดียวกัน ข้อแตกต่างคือ ถ้าใช้สำหรับนั่งรถเมล์ จะสามารถขึ้นกี่เที่ยวก็ได้ ในเวลา 75 นาที หากนำไปขึ้นรถไฟใต้ดินจะจำกัดที่ 1 เที่ยว เท่านั้น  (นอกเหนือจากนั้นก็จะมี ตั๋ววัน (24 ชม.) และตั๋ว อาทิตย์ ซึ่งราคาก็จะเป็นตามตาราง
เครื่องขายตั๋วทั่วไป สำหรับรถเมล์ / รถไฟใต้ดิน 
ประเภทของตู้ขายตั๋วที่ Rome ก็มีทั้งตู้แบบเก่า แบบใหม่ บางตู้สามารถใส่เหรียญได้ ธนบัตร ได้ บางตู้สามารถใส่ บัตรเครดิตได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถหาซื้อตั๋วได้ตามร้านขายบุหรี่ (Tobacco) ทั่วไป
วิธีการซื้อตั๋ว
1. เริ่มต้นให้เลือกที่เมนูภาษา เป็นภาษาอังกฤษ
2. เลือกชนิดของตั๋ว หากต้องการตั๋ว ประเภท  75 นาที ก็เลือก อันแรก (ในเมนูจะมีให้เลือกทั้งแบบ 1 Day และ 1 Week )
3.เลือกจำนวนตั๋ว ที่ต้องการจะซื้อ ให้กด ปุ่ม ซึ่งอาจจะเป็นแบบ ปุ่มกด หรือ แบบ Touch Screen แล้วแต่ประเภทของตู้
4. หยอดเหรียญ ตามจำนวน ที่ตู้แจ้งมา  เพียงเท่านี้ ตั๋วรถเมล์ก็จะออกมาให้แล้ว
บนรถเมล์ จะมีตู้สีเหลือง ให้เราสอดบัตรเพื่อทำการ stamp เวลา เริ่มใช้บัตรด้วย

 เครื่องแสตมป์ตั๋วบนรถเมล์

         ปกติป้ายรถเมล์จะมีสัญลักษณ์เป็นป้ายสีเหลือง แต่บางที่จะเป็นสีขาว โดยแบ่งแต่ละแถว แสดงสายรถเมล์ที่จะวิ่งผ่าน โดยป้ายที่เราอยู่จะแสดงด้วยสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมสีแดง  ให้พยายามจดจำป้ายรถเมล์แถวที่พักเอาไว้ว่ามีสายไหนบ้างที่วิ่งผ่าน โดยเฉพาะหลักๆเช่น Termini   ชนิดของรถเมล์จะมีระบุไว้ 3 ประเภทคือ Express (รถพิเศษ จอดเป็นบ้างป้าย), Urbano (รถปกติ), Notturno (รถที่จะวิ่งกลางคืน). และในด้านล่างของแต่ละแถว จะมีเวลาทำการของรถสายนั้นๆ ที่จะให้บริการ


ป้ายรถเมล์ในอิตาลี

บัตรโทรศัพท์

หากคุณต้องการโทรศัพท์กลับประเทศ ผู้เขียนแนะนำให้ซื้อบัตรโทรศัพท์ ( International  Phone Card) ในประเทศที่คุณต้องการจะโทร โดย rate ราคาจะถูกกว่าการโทรกลับผ่านตู้โทรศัพท์ หรือ ผ่าน มือถือที่เปิด Roming โดยตรง ซึ่งทั้งในฝรั่งเศส สวิส อิตาลี ก็มีบัตรของแต่ละประเทศจำหน่าย แต่วิธีการใช้งาน จะคล้ายๆกัน ดังนี้
บัตรจะมีหลายยี่ห้อ แล้วแต่ผู้ผลิต บางประเภทถูกแต่สัญญาณอาจจะไม่ดี เสียงดีเลย์ บางประเภท ราคาสูงหน่อย แต่เสียงดังฟังชัด ไม่ติดปัญหา 

  บัตรโทรศัพท์

1.    -    เริ่มต้น จะต้องขูด แถบ ด้านหลัง เพื่อดูรหัสของ card  
2.     -  โทรไปยังเบอร์ กลางที่บนบัตรระบุ ไว้ บัตรบางประเภท หากโทรจากตู้สาธารณะ จะต้องเสียค่าบริการตู้สาธารณะก่อน จึงจะกดได้   หมายความว่าเสียสองต่อ  แต่บัตรบางประเภท จะมีเบอร์โทรฟรี (Toll Free) ซึ่งยกหู ตู้โทรศัพท์ที่ไหน ก็สามารถกดได้เลย ไม่ต้องหยอดเหรียญก่อน 
3.      - เมื่อเลือกฟัง ครั้งแรกจะให้เลือกภาษา เลือกภาษาอังกฤษ
4.     -  ส่วนใหญ่จะให้ กด Pin หรือ รหัสหลังบัตร ที่เราขูด เอาไว้ ตามด้วย # (Hash Key)
5.     -  หลังจากนั้น กดเบอร์โทรออก โดยกดตามตัวอย่างหลังบัตร เช่น 00+ Country Code + Number + #   ถ้าหากโทรกลับเมืองไทย รหัสประเทศคือ 66  ไปยังเบอร์ 0819876543  ให้ตัดเลข ศูนย์ (0) ตัวแรกของเบอร์โทรศัพท์ออก  ดังนั้น การกดเบอร์โทรจะเป็นดังนี้ 0066819876543#    
6.    -   หากกดได้ถูกต้อง ระบบจะแจ้งว่า เรามียอดเหลือเท่าไหร่ และโทรได้กี่นาที  และหากต้องการโทรเบอร์ใหม่ให้กด เครื่อง หมาย ดอกจันทร์ (*)  


สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย
เลขที่ 29 ถนนสาทรใต้ กรุงเทพฯ
Tel : (662) 627-2113-4 Fax : (662) 627-2155
Website : www.ambafrance-th.org
E-mail : visas@ambafrance-th.org
Office Hours : Mon - Thu 8.00-17.00, Fri 8.00 - 16.00 hrs.
Visa Hours : 8.30 - 12.00 hrs.
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส
Thai Embassy in France
8 Rue Greuze Paris 75116 France
Tel : 01 56 26 04 49, 01 56 26 50 50 # 136, 137 Fax : 01 56 26 04 45-6
Homepage : http://paris.thaiembassy.org
E-mail : thaipar@wanadoo.fr, thaipar@mfr.go.th
Office Hours : Mon-Fri 9.30-12.30, 14.30-17.30 hrs
Visa Hours : 9.30 - 12.00 hrs.
กรณีฉุกเฉิน
Préfecture de Police Paris Tel. 01 55 76 20 00




สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย
Embassy of Switzerland
35 ถนนวิทยุ, แขวงลุมพินี, เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ : +66 2 253 01 56-60 , +66 2 254 45 96 (visas)
โทรสาร : +66 2 255 44 81, +66 2 254 48 04 (visas)
(www.eda.admin.ch/bangkok )
เวลาเปิดทำการ : วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09:00 - 11:30 น.
(สำหรับวีซ่านักเรียน เปิดทำการ : วันจันทร์ - วันพฤหัส เวลา 13:00 - 16:00 น.)
หน่วยราชการไทยในสวิตเซอร์แลนด์
สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ไทยประจำนครซูริค
Royal Thai Honorary Consulate-General, Zurich
โทรศัพท์ (+4143) 344-7000
โทรสาร (+4143) 344-7001
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบิร์น
Royal Thai Royal Embassy, Bern
โทรศัพท์ (+4131) 970-3030, 970-3411
โทรสาร (+4131) 970-3035
หมายเลขโทรศัพท์และบริการที่สำคัญในสวิตเซอร์แลนด์
เบอร์โทรสถานีตำรวจ (เหตุฉุกเฉิน)
117 เบอร์โทรเรียกรถพยาบาล
144 เบอร์โทรรถดับเพลิง


สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย
399 ถนนนางลิ้นจี่ ทุ่งมหาเมฆ ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120
โทร : 0 2285 4090-3 แฟกซ์ : 0 2285 4793 (สถานทูต), 0 2285 4801 (แผนกกงสุล)
อีเมล์ : ambasciata.bangkok@esteri.it เว็บไซต์ : www.ambbangkok.esteri.it
แผนกกงสุล : วันจันทร์, อังคาร, ศุกร์ 9.00 - 13.00 .
วันพฤหัส 12.00 - 14.00 . ปิดวันหยุดราชการและวันหยุดของสถานทูต

สถานทูตไทยในกรุงโรม อิตาลี
Via Nomentana132, 00162 Rome
โทร : +39(06) 8622 0524 แฟกซ์ : +39(06) 8622 0555, 8622 0556
แผนกกงสุล โทร : +39(06) 8622 0525-27 แฟกซ์ : +39(06) 8622 0529
เวลาทำการ : วันจันทร์ - ศุกร์ 09.00 - 13.00 . และ 14.30 - 17.00.
ปิดวันหยุดราชการและวันหยุดของสถานทูต
แผนกกงสุล วันจันทร์ - ศุกร์ 09.00-13.00 . ปิดวันหยุดราชการและวันหยุดของสถานทูต
อีเมล์ : thai.em.rome@wind.it.net เว็บไซต์ : http://www.thaiembassy.org/rome

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญและบริการสำคัญในอิตาลี
สำนักงาน ททท. กรุงโรม โทร. 06-42014422
บริษัทการบินไทย กรุงโรม โทร. 06-4781331
บริษัทการบินไทย เมืองมิลาน โทร. 02-8900351

เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน 112 

ลัลล้า @ (Review: อิยิปต์ ตอนที่ 2 One Day Trip@ Cairo)



วันที่ 16 ดินแดนโบราณ อิยิปต์ (ปิรามิดกีซ่า, พิพิธภัณฑ์ไคโร, ตลาด Khan el Khalili ) -> กลับไทย
            
     ตื่นเช้ามารับประทานอาหารที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ส่วนใหญ่จะเป็นแค่ขนมปังทาเนย หรือแยม และไข่ต้มหนึ่งฟอง พร้อมชา กาแฟ และน้ำผลไม้ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ประมาณ 9 โมงเช้า  ทำการ Check out ให้เรียบร้อย แล้วฝากกระเป๋าเอาไว้ รอเจ้าหน้าที่จาก Viator มารับ โดยปกติจะมีเจ้าหน้าที่ 3 คน คือ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร 1 คน ไกด์ 1 คน และคนขับรถ อย่างที่บอกว่าทริปนี้เป็น Private ทัวร์ ผู้โดยสารจึงมีแค่เรา 2 คน ยื่นเอกสารที่พิมพ์มาเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เราเซ็นเอกสาร ก็พร้อมที่จะเดินทางได้ โดยจะเหลือแค่เรา ไกด์ และคนขับรถ


อาหารเช้าที่อียิปต์
ล้อหมุน ตะลุยทะเลทราย
                รถโดยสารของ Viator เป็นรถตู้ปรับอากาศ ที่ต้องเน้นว่าปรับอากาศเพราะที่อียิปต์ร้อนมาก โดยเฉพาะแสงแดด ในยามกลางวัน ใครที่เอาเสื้อผ้าแขนยาว เสื้อคลุม หมวก แว่น ร่ม ครีมกันแดด ก็เตรียมกันให้พร้อม ไกด์เราบอกว่าร้อนแบบนี้ถือว่าปกติ ถ้านั่งแท๊กซี่ส่วนใหญ่ ก็จะไม่เปิดแอร์ เปิดหน้าต่างแทนเพราะเค้าบอกว่าอากาศวันนี้ดี  เมื่อออกเดินทางตอนเช้า ก็จะได้เห็นกับตึกราม บ้านช่อง ทัศนียภาพต่างๆ  รูปแบบตึกที่นี่จะไม่ได้ทันสมัยเท่าไหร่นัก และสีก็จะออกทึมๆ เนื่องจากฝุ่นจากทะเลทราย ที่อยู่ ล้อมรอบ

ไกด์บอกว่า รถแท๊กซี่ที่นี่ พึ่งจะเริ่มมี Meter ได้ไม่นาน ดังนั้นถ้าจะโดยสารไปไหน หากกลัวว่าจะโดนโก่งราคา ก็ให้ขึ้นแท๊กซี่มิเตอร์ 
 รถตู้พาออกไปยัง Motor Way เพื่อจะไปยังจุดหมายแรกคือ ปิรามิด กีซ่า ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตัว Downtown ประมาณ ครึ่งชม.  ระหว่างทาง ไกด์เล่าให้ฟังเรื่องราว ของภูมิทัศน์รอบข้าง  ไกด์ให้เราสังเกตว่า บ้านของที่อียิปต์ส่วนใหญ่จะเป็น อิฐบล็อคสีแดง ที่ยังไม่ทาสี (เหมือนทำไม่เสร็จ ) เนื่องจากว่า รัฐบาลจะเก็บภาษีที่อยู่อาศัยทันที หากว่าบ้านสร้างเสร็จแล้ว เค้าจึงตั้งใจ ไม่ทำให้บ้านมันเสร็จ  แล้วก็จะมีต่อเติม สร้างชั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นหมายถึง มีการแต่งงาน แล้วก็ย้ายเข้ามาอยู่ รวมกันก็จะสร้างต่อขึ้นไปอีกชั้น

บ้านพักอาศัยที่ไคโร ถ่ายจาก Motorway
รถขับผ่านแม่น้ำไนล์
นั่งมาได้ซักพัก ก็เริ่มมองเห็นปีรามิด เป็นฉากหลังแต่ไกล เส้นทางที่ออกไปนอกเมืองจะเป็นบรรยากาศของคนพื้นเมืองจริงๆ  

เมื่อถึงจุดแรก ไกด์ก็จัดการเรื่องตั๋วให้เสร็จสรรพ  แต่หากใครเดินทางมาเอง จะต้องเสียค่าเข้าคนละ 60 อียิปต์ปอนด์ หรือประมาณ 350 บาท

ตั๋วเข้าชมพิรามิด  

มหาพีระมิดกีซ่า (Giza Plateau) : 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

เป็นพีระมิดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก พีระมิดเห่งเมืองกีซ่า (เมืองกีเซห์) เป็นที่บรรจุพระบรมศพของกษัตริย์คีออปส์(CHEOPS) หรือ คูฟู ซึ่งพระองค์เป็นผู้สร้างขึ้นเองเมื่อก่อนคริสตกาลประมาณ 25,800 ปี นับอายุจนถึงปัจจุบันก็กว่า 4,500 ปี ถือเป็นพีระมิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่กลางทะเลทราย พีระมิดแห่งนี้เดิมสูง 481.4 ฟุต แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 450 ฟุต ฐานกว้าง 768 ฟุต ใช้หินทรายตัดเป็นแท่งรูปสามเหลี่ยมหนักประมาณก้อนละ 2 ตันครึ่ง บางก้อนหนักถึง 16 ตัน โดยการนำเอามาซ้อนกันขึ้นไปเป็นทรงกรวย เชื่อกันว่าพีระมิดองค์นี้จะทนแดดทนฝนอยู่ได้อีกนานกว่า 5,000 ปี และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของยุคโบราณสิ่งเดียวเท่านั้นที่มีอายุยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน  ชาวอียิปต์ในสมัยนั้นเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ดังนั้นจึงต้องแน่ใจว่ากษัตริย์ของพวกเขาจะทรงมีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับโลกหน้า พวกเขาได้ฝังทรัพย์สินและสิ่งของส่วนพระองค์ไปพร้อมกัน สิ่งที่นักโบราณคดีค้นพบเป็นจำนวนมากในห้องเก็บสมบัติของปิรามิดได้แก่เพชรพลอย อาหาร เครื่องเรือน เครื่องดนตรี และอุปกรล่าสัตว์


  มหาพีระมิดกีซ่า

พีระมิดแห่งกีซ่าประกอบด้วย
1.พีระมิดคูฟู (Khufu) หรือ มหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า

พีระมิด คูฟู 
ล่าสุด พึ่งมีการขุดพบเรือโบราณขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้ในบริเวณเดียวกับ พีระมิดคูฟู ที่เป็นหลักฐานว่าชาวอียิปต์โบราณมีความสามารถในการต่อเรือขนาดใหญ่ได้ดี หากจะเข้าชมต้องเสียค่าเข้าต่างหาก
 เรือไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกค้นพบ
2.พีระมิดคาเฟร (Khafre) ตั้งอยู่ตรงกลางของพีระมิดทั้ง 3 และสร้างอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้ดูเหมือนมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีบางคนเข้าใจผิดว่าพีระมิดคาเฟรคือมหาพีระมิดแห่งกิซ่า 


 พีระมิดคาเฟร 
อุโมงค์เพื่อเข้าไปยังใจกลางพิระมิด หากจะเข้าต้องเสียเงินเพิ่มค่อนข้างแพง 
ไกด์เล่าให้ฟังว่า โดยปกติ ฟาโรห์ ผู้เป็นพ่อ จะสร้างพิระมิด ใหญ่ที่สุด  ลูกที่ปกครองต่อมา จะต้องสร้างพิระมิด ที่เล็กกว่าแต่ กษัตริย์ คาเฟร ได้ใช้เทคนิคทางด้านธรณี และภูมิทัศน์ โดยสร้างบนพื้นที่สูงกว่า ทำให้พิระมิด คาเฟร ดูใหญ่กว่า พิรามิด คูฟู ผู้เป็นพ่อ

มองไกลๆจางมุมนี้จะเห็นว่าพีระมิดคาเฟร สูงที่สุด  
3.พีระมิดเมนคูเร (Menkaure) ขนาดเล็กที่สุดและเก่าแก่น้อยที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า จากตำแหน่งการก่อสร้างทำให้คาดได้ว่า เดิมอาจตั้งใจสร้างให้มีขนาดใกล้เคียงพีระมิดคูฟู และพีระมิดคาเฟรแต่ในที่สุดก็สร้างในขนาดที่เล็กกว่า พีระมิดเมนคูเรมักปรากฏในภาพถ่ายพร้อมกับหมู่พีระมิดราชินีทั้ง 3 (The Three Queen's Pyramids)

พีระมิด เมนคูเร
เกร็ดเล็กน้อยน่ารู้ ตามที่มีข้อมูลปรากฏในแหล่งต่างๆ อ้างถึง จำนวนหิน ที่นำมาก่อสร้าง พีระมิดคูฟู ต่างกันไปตั้งแต่ 2 ล้านถึง 2.6 ล้านก้อน ประมาณน้ำหนักเฉลี่ยก้อนละ 2.5 ตัน โดยจัดเรียงซ้อนกันขึ้นไปประมาณ 200 ชั้น คิดเป็นน้ำหนักรวมกว่า 6 ล้านตัน


แถวนี้มีบริการอูฐ ให้นั่งขี่ และถ่ายรูปด้วย ราคาแล้วแต่เจรจา 

สฟิงซ์อียิปต์
  สฟิงซ์เป็นการผสมกันระหว่างมนุษย์กับสิงโต ส่วนหัวที่เหมือนมนุษย์นั้น มีสัญลักษณ์ของฟาโรห์อียิปต์แสดงไว้คือมีเคราที่คาง ตรงหน้าผากมีงูแผ่แม่เบี้ยและมีเครื่องประดับ รัดเกล้าแบบกษัตริย์ รูปสลักสฟิงซ์ของอียิปต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) บริเวณใกล้กับพีระมิดคาเฟร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex) สฟิงซ์เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของกษัตริย์ หรือเป็นสัตว์ที่มีชาญฉลาดและมีพลังเพื่อปกป้องพระศพและทรัพย์สมบัติภายในพีรามิด



สฟิงซ์ ในมุมต่างๆ

 ไกด์ บอกต้องท่านี้  ให้สฟิงซ์หอมแก้มซะเลย  

เกร็ดเล็กน้อยน่ารู้ สฟิงซ์ยักษ์กีซ่า ถือเป็นสฟิงซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แกะสลักจากหินก้อนขนาดมหึมาเพียงก้อนเดียว โดยมีความยาวของลำตัวที่ 73.5 เมตร สูง 21 เมตรใบหน้ามีความยาว 5 เมตร จมูกยาว 2 เมตร ส่วนเคราไม่สามารถระบุตัวเลขของขนาดได้ ปัจจุบันนี้เคราและจมูกของสฟิงซ์ยักษ์ตัวนี้ ถูกแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ BRITISH MUSEUM กรุงลอนดอน ส่วนลำตัวของสฟิงซ์ มีรอยผุกร่อนอย่างชัดเจนทั้งจากสภาพภูมิอากาศอันเลวร้ายในทะเลทรายและพายุทรายพัดกระหน่ำทับถมอยู่เป็นประจำ และเนื่องจากถูกแม่น้ำไนล์ ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลากในอดีตท่วมมาถึงครึ่งตัว กัดกร่อนให้บริเวณฐานเสียหายและเหลือร่องรอยการแช่น้ำ ทำให้ปัจจุบันนี้สฟิงซ์ยักษ์อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก แต่ก็สามารถมองภาพความยิ่งใหญ่ในอดีตได้จากสิ่งที่ยังเหลืออยู่

บริเวณด้านหน้าทางเข้าไปชม สฟิงซ์ จะมีของที่ระลึกราคาถูกขายอยู่ หากจะซื้อจะต้องต่อรองราคาเยอะพอสมควร

หลังจากไกด์พาทัวร์เรียบร้อย ก็จะพามาแวะที่โรงงานทำกระดาษ ปาปิรุส (Papyrus) ซึ่งก็ถือเป็นธรรมเนียมการท่องเที่ยวของที่นี่ หรือทัวร์ทั่วๆไป   หากใครสนใจก็สามารถให้ทางร้านเขียน ชื่อเราเป็นภาษาอียิปต์โบราณได้ 

กระดาษของชาวอียิปต์โบราณ ผลิตจากหญ้าที่เรียกว่า ปาปิรุส (papyrus) และเรียกว่ากระดาษปาปิรุส พบว่ามีการใช้จารึกบทสวดและคำสาบาน บรรจุไว้ในพีระมิดของอียิปต์ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่ามีการใช้กระดาษที่ทำจากปาปิรุสมาตั้งแต่ปฐมราชวงศ์ของอียิปต์ (ราว 3,000 ปีก่อนคริสตกาล) สำหรับวัสดุใช้เขียนนั้น ในสมัยโบราณมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น แผ่นโลหะ หิน ใบลาน เปลือกไม้ ผ้าไหม ฯลฯ ผู้คนสมัยโบราณคงจะใช้วัสดุต่างๆ หลากหลายเพื่อการบันทึก ครั้นเมื่อราว ค.ศ. 105 ชาวจีนได้ประดิษฐ์กระดาษจากเศษผ้าฝ้าย และหลังจากนั้นได้มีการใช้วิธีผลิตกระดาษเช่นนี้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว กระดาษปาปิรุส ที่ได้ชื่อว่าเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกนั้น มีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลยนะคะ  ทำมาจากต้นกก บ้านเราก็มีค่ะ กก แบบนี้ แต่ลำต้นไม่ใหญ่เท่าต้นกกที่อียิปต์  


                                 ได้มาหนึ่งแผ่น เขียนเป็นชื่อ เราสองคน ฮิ้วๆ



ร้านขายกระดาษปาปิรุส มีมากมาย ถือเป็นของที่ระลึกหลักของที่นี่

เที่ยงกว่าๆ ไกด์ก็จะพาไปทานข้าว ที่ตลาดข่าน เอล คาลิลี  (Khan el Khalil ) 

เราให้ไกด์แนะนำอาหารพื้นเมืองที่อร่อยๆมา 1 อย่าง ก็ได้ตาม Set มีเนื้อย่าง และ แป้งนาน ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมือง น้ำซอสรสชาติคล้ายๆน้ำเสตะบ้านเราแต่จืดกว่า
อาหารพื้นเมืองมื้อแรกและมื้อเดียว เนื้อย่างอร่อยมาก


ที่นี่เป็นย่านขายของที่ระลึกเลยก็ว่าได้ มีตรอกซอกซอยให้เดิน เหมือนจตุจักรบ้านเรา  ชิชา ที่ใช้สูบ ก็มีวางขายทั่วไป 
ใครชอบก็สามารถมาเดินกลางคืนเป็นเหมือน ไนท์บาร์ซ่าได้เหมือนกัน

หลังจากตกลงเวลากับไกด์ว่าขออยู่ที่ซัก 1 ชม. บ่ายกว่าๆ ไกด์ก็พาไปต่อที่ โรงงานน้ำหอม  ( ขายของอีกตามฟอร์ม ) แต่ไกด์คนนี้ดีมาก เค้าบอกเลยว่า ถ้าไม่อยากซื้อก็ไม่เป็นไร ตอบปฏิเสธไปได้ แต่ไหนๆก็มาแล้ว ก็ขอติดไม้ติดมือ ไปเป็นของฝากซักหน่อย  เมื่อเดินเข้าไปในร้าน เค้าก็จะเอาน้ำมาเสริฟ พร้อมกับสาธยาย ถึงสรรพคุณต่างๆนาๆ ของน้ำหอมที่นี่ ซึ่งมีหลากหลายกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นพวกดอกไม้ ลาเวนเดอร์ มะลิ ดอกบัว รวมถึงพวกชื่อแปลกๆอย่าง คลีโอ ฟาโร Secret of the Dessert  ที่ใครฟังก็ต้องอึ้ง เพราะสรรพคุณคล้ายน้ำหอมกระตุ้นความรู้สึกทางเพศประมาณนั้น  หรือรวมถึงกลิ่นน้ำหอมดังๆอย่าง วิคตอเรีย ซีเคร็ท   CHANEL No5  เอ้าอยากลองตัวไหนก็ช่วยอุดหนุนเค้าหน่อย

น้ำหอมมีมากกว่า 50 กลิ่นให้เลือก ดมกันจนมึนไปเลย
หลังจากเลือกน้ำหอม ก็จะขายขวดบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีลวดลายต่างๆสวยงาม แต่ราคาก็แพงตามไปด้วย

 ใช้เวลาอยู่ที่โรงงานน้ำหอมประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็ออกเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ไคโร ซึ่งจริงๆแล้วอยู่ใกล้ที่พักเรามาก ไกด์จึงอยากจะพาเป็นที่สุดท้าย จะได้ มีเวลาเดินได้เต็มที่ ด้านในห้ามถ่ายรูป  ภายในมี Hilight ที่สำคัญคือโรงเก็บพระศพ ศพของ ฟาร์โรตุตันคาเมน เครื่องแต่งกายต่างๆ และสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของพระองค์ อาทิเช่น เตียงบรรทม รถศึกและเก้าอี้บรรลังก์ทองคำทั้งหมด  และรูปปั้นโบราณต่างๆ  ส่วน Hiligt อีกที่คือ พระศพของฟาร์โรตุตันคาเมน ที่ขุดพบขึ้นมาแล้ว  ซึ่งในส่วนนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

พิพิธภัณฑ์ อียิปต์  
(Egyptian Museum of Antiquities
 )
นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ของโลกที่เก่าแก่ที่สุดมานานและมีชื่อเสียง เนื่องจากเป็นสถานที่เก็บรักษาวัตถุโบราณที่ถูกค้นพบจากที่ต่างๆ จากหลายยุคสมัย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยท่านเมเรียต ออกัสท์ นักเชี่ยวชาญวัตถุโบราณ ชาวฝรั่งเศษ เริ่มเปิดขึ้นวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ 1902

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
ตั๋วเข้าชม พิพิธภัณฑ์ สวยดี เก็บไว้เป็นที่ระลึก

เมเรียต ออกัสท์ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์





บรรยากาศรอบนอก พิพิธภัณฑ์

จาก ประวัติศาสตร์อียิปต์ได้กล่าวว่า ในสมัยปี ค.ศ 1826 ได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ชั่ว คราว ณ ริมฝั่งสระเอซเบก แต่กษัตริย์สมัยนั้นกลับ ไม่เห็นความสำคัญ นำวัตถุโบราณ มอบเป็นของกำนัลแก่นักบริหาร และข้าราชการชั้นสูงชาวยุโรป ทำให้วัตถุโบราณเหลือ น้อยลงมาก โดยเฉพาะในปีค.ศ. 1855 จักรพรรดิมิกส์มิเลียนชาวออสเตรีย ได้นำวัตถุ โบราณจากอียิปต์เป็นของกำนัลกลับประเทศ จากท่านเคเดวีย์อับบาสบาชา เมื่อครั้นมา เยือนอียิปต์ ทำให้ชาวอียิปต์ต่างเศร้าสลดใจอย่างมาก และปัจจุบัน วัตถุเหล่านั้นก็ยังอยู่ ณ กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรี

เกร็ดเล็กน้อยน่ารู้

ตุตันคาเมน (Tutankhamen) แม้พระองค์จะไม่ใช่มหาราชที่ยิ่งใหญ่หรือนักรบผู้เกรียงไกร แต่ชื่อของฟาโรห์ตุตันคาเมนก็เป็นที่รู้จักดียิ่งกว่าฟาโรห์องค์อื่นๆ เนื่องด้วยสุสานของพระองค์ที่ถูกขุดพบนั้นคงสภาพสมบูรณ์ยิ่งกว่าของฟาโรห์องค์ใด และกลายเป็นหลักฐานสำคัญในการบอกเล่าถึงเรื่องราวของอียิปต์โบราณ พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์โดยมีพระชนมายุเพียงสิบชันษาเท่านั้น อำนาจในราชสำนักจึงตกอยู่ในมือของอัยย์ ผู้เป็นอัครมหาเสนาบดีและหัวหน้านักบวชแห่งจอมเทพอามอน กับนายพลโฮเรมเฮปผู้บัญชาการทหาร ฟาโรห์ตุตันคาเมนครองราชย์เพียงสิบปีเท่านั้น ก็สวรรคตอย่างลึกลับ จากมัมมี่ของพระองค์ได้มีการพบรอยร้าวที่กระโหลก ซึ่งแสดงว่าพระองค์น่าจะสวรรคตจากการตกจากรถศึก นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าพระองค์น่าจะถูกลอบปลงพระชนม์โดยคนใกล้ตัว ซึ่งอาจจะเป็นเสนาบดีอัยย์หรือไม่ก็นายพลโอเรมเฮป  หลังการสวรรคตของพระองค์ ราชินีอนัคซูนามุนทรงส่งสาส์นไปยังกษัตริย์ฮิตไตท์ให้ทรงพระโอรส มาอภิเษกกับพระนางและเป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์โดยพระนางแจ้งไปในสาสน์ว่า "พระนางทรงหวาดกลัวที่จะต้องอภิเษกกับข้ารับใช้ของพระนาง" กษัตริย์ฮิตไตท์ก็ทรงส่งพระโอรสเดินทางมาอียิปต์ แต่ทว่าทันทีที่ขบวนเสด็จมาถึงเขตแดนอียิปต์ ก็ถูกซุ่มโจมตีและสังหารจนหมดทุกคน ทำให้ทางฮิตไตท์โกรธมาก ความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรจึงตึงเครียดยิ่งขึ้น หลังจากนั้นอัยย์ซึ่งชรามากแล้วก็อภิเษกกับเจ้าหญิงอนัคซูนามุนและ ขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรห์แต่ครองราชย์ได้เพียงสามปีก็ประชวรสวรรคต และในที่สุดนายพลโฮเรมเฮปก็กลายเป็นฟาโรห์พระองค์ใหม่ 

ฟาโรห์ ตุตันคาเมน

 กระดาษ ปาปิรุส ของแท้ มีอายุหลายพันปี ที่จัดแสดง ในพิพิธภัณฑ์
 

ขอบคุณภาพจาก Wikipedia ทำให้ได้เห็นภาพด้านในของพิพิธภัณฑ์ เพราะปกติห้ามถ่ายรูป

ประมาณ 5 โมงเย็น หลังจากเที่ยวมาเหนื่อยทั้งวันแล้ว ไกด์พากลับมาส่งที่โรงแรม ก็อาบน้ำให้เรียบร้อย บางโรงแรมอนุญาต บางโรงแรมถือว่าเรา Check out แล้วก็จะไม่อนุญาต แต่ก็สามารถไปหาอาบที่สนามบินได้ ให้รองติดต่อเจ้าหน้าที่ตรง Reception ว่าเราต้องการแท๊กซี่ ไปสนามบินประมาณ 1 ทุ่ม เพราะเครื่องบินกลับไทย จะออกเดินทางเวลา 4 ทุ่ม ต้องเผื่อเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเดินทางและอีก 2 ชม.ก่อน Check in  แล้วจึงค่อยออกไปเดินหาร้านอาหารทานข้าวเย็นก่อน อาหารภายในสนามบินแพงมาก เพราะงั้นถึงแนะนำให้หาอะไรทานก่อน เมื่อถึงเวลานัดก็มาติดต่อที่เคาเตอร์ เจ้าหน้าที่จะพาไปขึ้นแท๊กซี่ เดินทางสู่สนามบิน ไคโร  อ้อ อย่าลืมทิป สำหรับเด็กถือกระเป๋า และคนขับด้วย เพราะมันเป็นทำเนียม
ผู้พัน ช่วยชีวิต 

สุดท้าย ไม่ท้ายสุด หวังว่าการเดินทางทริปนี้คงประทับใจคุณคุณ และขอให้คุณคุณทุกคนเดินทางกลับยังประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ ผู้เขียนหวังเพียงว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณคุณทุกคนไม่มากก็น้อย

ที่เที่ยวอื่นๆ เพิ่มเติมในไคโร
หากใครมีเวลา และวางแผนไว้ว่าจะอยู่เที่ยว อิยิปต์ ต่อ ก็มีที่เที่ยวแนะนำที่อยากจะให้ลองไปชมกัน

ซัคคาร่า (Saqqara) ปิรามิดขั้นบันได   ซัคคาร่า : เมืองแห่งสุสาน เพราะว่าที่เมืองนี้มีสุสานของฟาโรห์ทั้งหมด 11 แห่ง ซึ่งอยู่ในสมัยอาณาจักรเก่า และสุสานคนสำคัญอื่นๆอีกมากมาย ปัจจุบันหลงเหลือก็แต่ปิรามิดขั้นบันไดให้ได้ชม
ปิรามิดขั้นบันไดเมืองซัคคาร่า (Saqqara) เป็นปิรามิดที่เก่าแก่ที่สุด
สถานที่ตั้ง : เมืองซัคคาร่า
ผู้ที่สร้าง : ฟาโรห์โจเซอร์ แต่ผู้ออกแบบก่อสร้างคืออิมโฮเทป
ปีที่สร้าง : ประมาณ 4,600 – 5,000 ปีมาแล้วครับ 
ค่าเข้าชม : 50 ปอนด์ (ประมาณ 300 บาท)

 ซัคคาร่า

เป็นอันเสร็จสิ้นการเดินทาง ข้ามทวีป ของเราสองคน  กลับมากระเป๋าแบนตัวแฟบ

ไปอีกหลายเดือน  เพราะถึงค่าเที่ยวจะไม่หนักหนามาก แต่โดนค่า Shopping เข้าไป

555  เอาเป็นว่า ถ้าใครมีโอกาส ก็ลองไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆต่างแดนอย่างเราสอง

คน และขอให้สนุกกับการเดินทางนะครับ 

ทริปหน้าจะเป็นอะไร โปรดติดตามตอนต่อไป ^^  (รอเก็บตังค์ก่อน )