วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลัลล้า @ (Review: ฝรั่งเศส ตอนที่ 1 ปารีส)

กว่าจะเริ่มเข้า ในส่วนของ Review ก็เขียนล่อเข้าไป 6-7 ตอน อย่าพึ่งง่วงหรือ หลับกันไปซะ่ก่อน

(แต่คนเขียนหนะ ง่วงแล้ว 55) ประเทศแรก ที่จะไปก็คือประเทศ ฝรั่งเศส แค่เมืองปารีส เมืองเดียว ก็เที่ยวไม่หมดแล้วเพราะมันมีอะไรน่าสนใจเยอะเหลือเกิน  เราใช้เวลาอยู่ที่ ปาีรีส 4 วัน ใครขี้เกียจอ่าน ก็ดูๆ รูปกันไปนะครับ ^^

 พร้อมเดินทาง
        ฝรั่งเศส (France)
ประเทศฝรั่งเศส หรือสาธารณรัฐฝรั่งเศส (République Française) ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปภาคพื้นตะวันตก มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 550,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปตะวันตก มีพื้นที่ประมาณเกือบ 1 ใน 5 ของพื้นที่ในสหภาพยุโรป ประกอบไปด้วยแผ่นดินใหญ่เกาะต่างๆ และดินแดนอื่นในต่างทวีป ไม่ว่าจะเป็นในทวีปอเมริกาเหนือ ทะเลแคริบเบียน อเมริกาใต้ มหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกและทางใต้ และมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า “ 6 เหลี่ยม” (L'Hexagone) เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ
เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสคือ ปารีส (Paris)
สกุลเงินของประเทศฝรั่งเศสคือ สกุลเงินยูโร อักษรย่อที่ใช้คือ EUR ใช้สัญลักษณ์ว่า EUR
โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ฤดู คือ
ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนมีนาคม - มิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ย 1 ถึง 22°C
ฤดูร้อน ช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ย 10 ถึง 25°C
ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 0 ถึง 21°C
ฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคม - มีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ย -1 ถึง 15°C

วันที่ 1  ฮัลโหลปารีส
 หลังจากที่อ่านปฐมบทเรื่องการเตรียมตัวกันมาหลายเดือน ติดปัญหานู่นนี่นั่น ก็ต้องแก้ๆกันไป บางคนได้วีซ่ากันเกือบวินาทีสุดท้ายก็มี เอาหละสำหรับคนที่ไม่พลาดหวังก็ถึงเวลาที่จะได้เริ่มต้นเดินทางไปเที่ยวกันแล้ว  เช็คตารางการบินให้เรียบร้อย ควรจะไปรอที่สนามบินอย่างน้อยล่วงหน้า 2 ชั่วโมง เครื่องบินจะใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง จึงจะถึงสนามบิน ไคโร (Cairo) ประเทศ Egypt เพื่อทำการ เปลี่ยนเครื่อง (Transit) มาถึงที่นี่เราก็อาจจะพักล้างหน้าแปรงฟันกันก่อนเพื่อสุขภาพปากของเราและความปลอดภัยของคนใกล้เคียง บางคนอยากจะเริ่ม Shopping ก็ขอให้อดใจไว้ก่อนเพราะขากลับเราต้องแวะมาเที่ยวที่ อียิปต์อยู่แล้ว 

เมื่อเครื่องออกจากไคโร เครื่องจะใช้เวลาบินอีกประมาณ 4 ชั่วโมง จึงจะถึงปารีส สนามบิน Charles Der Go (CDG) ประเทศฝรั่งเศส ก้าวแรกที่ลงสนามบินก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกันแล้ว เพราะต้องเดินรอดอุโมงค์ขนาดยาวเพื่อมายังด่านตรวจคนเข้าเมือง ก่อนที่จะรับกระเป๋า หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้ว ก็มารอรับกระเป๋าซึ่งจะอยู่บริเวณ Terminal 1 ตอนที่ผมไปเจ้าหน้าที่ทักทายเป็นภาษาไทยว่า สวัสดีครับบางคนพูดเป็นประโยคได้เลยเช่น คุณจะไปไหนครับ มาทำอะไรครับ จากที่รู้สึกกลัวๆที่ด่าน ก็ทำให้โล่งใจไปเลยเพราะความเป็นกันเอง และยังรู้สึกภูมิใจที่ฝรั่งเค้าก็สนใจเรียนรู้ภาษาเราด้วย

ตรงสายพานนี่ระหว่างรอสัมภาระ เดินสำรวจรอบๆ กันหลง ดูแผนที่ด้วยว่าเราอยู่ตรงไหน พอกระเป๋ามา ตรวจเช็คกันให้เรียบร้อย จากนั้นจะมีด่านตรวจอีกครั้งก่อนที่จะออกมาด้านนอก ซึ่งที่นี่จะมีป้ายบอกตลอดเกี่ยวกับเรื่องการตรวจของแบรนด์เนม โดยเฉพาะกระเป๋าสะพาย ซึ่งหากเป็นของปลอมหละก็ โดนปรับกันหนักเลยทีเดียว  
ภาพ แผนที่สนามบิน Charles Der Go ประเทศฝรั่งเศส 
จากภาพกว้างจะเห็นว่าที่สนามบิน CDG มีอยู่หลาย Terminal แต่สำหรับเครื่องบินโดยสารของเราจะมาจอดที่ Terminal 1 ซึ่งมีลักษณะเป็นวงกลม 
ภายในTerminal 1 ที่มีบันไดเลื่อนสลับซับซ้อน 
ภาพ แผนที่ภายใน Terminal 1 ของสนามบิน Charles der go 

ภายใน เราจะงงกับทางออกที่มีอยู่หลายทาง ให้หาทางลงไปชั้นใต้ดินเพื่อไปขึ้นรถไฟ CDGVAL ซึ่งเป็นรถไฟภายในสนามบิน (ไม่เสียค่าโดยสาร) โดยจะไปส่งเราที่สถานีรถไฟอีกจุดหนึ่งเพื่อต่อรถไฟ RER เข้าเมือง เราเพียงแค่หาทางลงลิฟท์ไปชั้นล่างสุด จากภาพจะเป็นจุดสีแดง
รถไฟ CDGVAL ที่อยู่ชั้นใต้ดินของ Terminal 1 
 ภาพ เครื่องจำหน่ายตั๋ว RER เพื่อเดินทางเข้าไปยังตัวเมือง
หากต้องการข้อมูลของสนามบินเพิ่มเติม เข้าไปที่  http://www.aeroportsdeparis.fr
ภาพ  เส้นทางเดินรถ Metro วิ่งเข้าตัวเมืองปารีส

 ซื้อที่เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ หรือติดต่อที่ช่องจำหน่ายตั๋ว โดยแจ้งว่าจะไปลงที่ สถานี Gare du Nord หรือ แค่บอกว่า City แล้วชำระเงิน ตรงจุดนี้เราก็สามารถที่จะแตกแบงค์ใหญ่ๆ ที่เราแลกมาจากธนาคารได้ เพราะค่าโดยสารอยู่ที่ 8.7 ยูโร ต่อคน เดินทางโดยรถไฟ RER B ปลายทางไป Massy-Palaiseau โดยเราจะลงกันที่สถานี Gare Du Nord ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที 
 

            สำหรับปารีสเอง ถนนหนทางค่อนข้างเพียบพร้อม สำหรับนักเดินทางอย่างเรา ที่จะต้องลากกระเป๋า เพราะส่วนใหญ่จะมีลิฟท์ บันไดเลื่อน หรือทางลาดบนฟุตบาท สำหรับเข็นกระเป๋า ทำให้ไม่ลำบาก เมื่อถึงสถานี Gare du Nord ก็เตรียมเช็คอินเข้าที่พักก่อนที่โรงแรม Du Brabant โดยเดินตามเส้นทางจากแผนที่ด้านล่างประมาณ 200 เมตร เท่านั้นเอง


ภาพ สถานี Gare du Nord 
ภาพ แผนที่เดินทางไปโรงแรม Du bra bant  

สำหรับผู้ที่จองตั๋วที่พักผ่าน booking.com ให้นำใบที่ Print มา ยื่นที่ Reception ได้เลย ตัวอย่างโรงแรมครั้งนี้จะพาไปพักที่โรงแรม  Du bra brant
ระดับ 1 ดาว
Feedback  6.1 เต็ม 10






เมื่อเก็บของเรียบร้อยพักผ่อนก่อน ออกไปกินข้าว เย็น หรือจะเดินชมเมืองยามราตรีก็ได้  ซึ่งวันนี้เป็นวันแรก ก็อาจจะมีอาการ Jet Lack อยู่บ้างเพราะเวลาระหว่างประเทศไทยกับยุโรปนั้นห่างกัน ประมาณ 5 ชม. โดยฝั่งยุโรปจะช้า กว่า อย่างเช่น เวลา 6 โมงเย็นที่ปารีส ก็เป็นเวลา 5 ทุ่ม ที่เมืองไทยแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่กระเพาะอาหารเราต้องปรับตัวด้วย  จึงอย่าหักโหมมากกับวันแรก  เดิน relax กันในเมืองหรือบริเวณใกล้เคียง เพื่อทำความคุ้นเคย หาร้าน Minimart ใกล้ๆ  ร้านขายยา หรือตู้ ATM เผื่อกรณีฉุกเฉิน  วางแผนซื้อเครื่องดื่ม ของกินจุกจิก ไว้เป็นเสบียงที่ห้องเพราะเราจะต้องค้างคืนถึง 4 วัน ด้วยกัน


ภาพ ที่แลกเงินใกล้ๆที่พัก

ภาพ สัญลักษณ์ สถานีรถไฟใต้ดิน (Metro) 
 เดินทางด้วยเท้า
ในปารีสถึงแม้ว่าจะมีรถไฟวิ่งไปยังจุดหลักๆ ในเมืองได้เกือบทุกที่ แต่ก็คงหนีไม่พ้นที่เราจะต้องเดินออกกำลังกันอยู่บ้าง ดังนั้นอย่าลืมว่ารองเท้าที่ใส่จะต้องสวมใส่แล้วรู้สึกสบายที่สุด แต่ถ้าคุณผู้หญิงพกไปหลายคู่ อาจจะมีทั้งรองเท้าบูท ส้นสูง เพราะกลัวว่าจะถ่ายรูปออกมาไม่สวย คุณผู้ชายก็ต้องช่วยวางแผนกันนิดนึงเพื่อให้เหมาะกับสภาพถนน และสถานที่ด้วย  เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคุณผู้หญิงจะเดินหน้าบึ้ง เพราะโดนรองเท้ากัด หรือเท้าแพลง กลายเป็นเที่ยวไม่สนุกกันไป  

อาหารใครคิดว่าไม่สำคัญ
สิ่งสำคัญในการเดินทางแบบประหยัดก็คือเรื่องอาหาร สำหรับที่พักบางที่ จะมีอาหารเช้าไว้บริการด้วย ซึ่ง ส่วนใหญ่ อาหารเช้าในยุโรป ก็หนีไม่พ้น ขนมปัง ครัวซอง ชา กาแฟ โกโก้  บางที่อาจจะมี ซีเรียล โยเกิรต์ ไข่ดาว ให้เพิ่มนิดหน่อย
ดังนั้น งบสำหรับอาหารเที่ยง และอาหารเย็น ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วหละว่า มีมากน้อยขนาดไหน สำหรับผมแนะนำไว้ที่ 20 ยูโร ต่อคน ต่อวัน คือเที่ยงและเย็น อาหารเที่ยงที่ฝรั่งเศส ก็นิยม กินพวกแซนวิช หรืออาหารจานด่วน ซึ่งอยู่ราวๆ 4-5 ยูโร ดังนั้น เราสามารถหาซื้อได้ ตามมินิมาร์ท ทั่วไป หรือ หากต้องการทานอาหารที่ถูกปากถูกคอขึ้นมาหน่อย ก็แวะเข้าร้านอาหารจีน สั่งข้าว+ กับ ราคาก็ตกอยุ่ราวๆ 8-9 ยูโร แต่ก็สามารถประหยัดได้ โดย ซื้ออาหาร ที่เป็นประเภท ตักราด หรือ พวก แช่แข็ง (Frozen)  ซึ่งอยู่ที่ ประมาณ 4-5 ยูโรเท่านั้น   บ้างร้านจะมีบริการอุ่นอาหารแช่แข็งให้ด้วย หรือบางทีสามารถนำกลับมาอุ่นที่โรงแรม ได้ ถ้าหากที่โรงแรมนั้นมีบริการ พวกเครื่องไมโครเวฟไว้ให้  (ให้ดูบริการ ที่โรงแรมมีให้ ตอนที่จองโรงแรม ) น้ำดื่มที่นี่ ก็สามารถที่จะทานน้ำก๊อก ได้ แต่เฉพาะน้ำเย็นเท่านั้น  คุณก็ควรจะพกขวดน้ำ สำหรับกรอก ไว้ดื่ม ระหว่างวัน ตอนเดินทางได้ เพื่อประหยัด ไปอีกนิดหน่อย

 ร้านดอกไม้ และร้านผลไม้
 

 เลนจักรยานก็มีให้
 


ภาพร้านดอกไม้เมืองหนาว

 รถตำรวจ
 
ภัตคาร ยามเย็น 

หลังจากที่เดินกันทั้งวันแล้ว ก็พักผ่อนกันก่อนที่พรุ่งนี้เราจะเริ่มทริปเที่ยวกันแบบเต็มวัน  อ้อ สำหรับตากล้องก็อย่าลืมชาร์จแบต กล้องถ่ายรูปต่างๆให้พร้อม ส่วนคุณสาวๆ ก็นอนพักให้เต็มที่ เพราะเดี๋ยวนางแบบจะเป็นแพนด้าเอา  อ้อ! ก่อนนอนก็อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกกันด้วยนะ พรุ่งนี้เราจะตื่นกันแต่เช้า
Note
       รถไฟ Metro ของที่ฝรั่งเศสบางรุ่น เวลาถึงสถานีแล้ว และต้องการจะลง จะต้องเปิดประตูเอง เคยเอ๋อไปยืนรออยู่ตั้งนาน ก็แปลกใจว่าทำไมประตูมันไม่เปิดซะที 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น