วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลัลล้า @ (Review: ฝรั่งเศส ตอนที่ 3 Disney Land)


เช้านี้ จะพาไปสวีทหวานแหววยังดินแดนของ Walt Disney สวนสนุกที่มีทั้งความสนุกสนาน สีสันตระการตา หากผู้ที่ชื่นชอบในตัวการ์ตูนของดีสนีย์ ไม่ว่าจะเป็น Micky Mouse Minny Mouse เจ้าเป็ดโดนัล หรือการ์ตูนสมัยใหม่อย่าง Toy Story, Wall-E และ Monster Inc. ก็ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง




 มุมและบรรยากาศต่างๆ ของ Disney Land ปารีส

   ขอเล่ารายละเอียดให้ฟังก่อนว่าใน Disneyland มีอะไรบ้าง Disneyland ประกอบมีด้วยกัน 2 Zoneใหญ่ๆ คือ  Disney Studio(โรงถ่ายภาพยนตร์ ) กับ Disney land Park (สวนสนุก) ทั้งคู่ก็จะมีเครื่องเล่น หรือสีสันที่แตกต่างกัน  ในส่วนของ Disney Studio ก็จะเป็นเครื่องเล่นหวาดเสียว อาทิรถไฟเหาะ (Roller Coaster) Twilight Zone การแสดงผาดโผน สตั้นโชว์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น   ส่วน Disney Land Park เป็นส่วนที่เน้นการตกแต่งประดับประดาให้สวยงาม ซึ่งจุดไฮไลท์ ก็คงหนีไม่พ้น ประสาทของเจ้าหญิงนิทรา ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ Disney Land  ภายในยังแบ่งเป็น สี่ส่วน ย่อยๆ อีกได้แก่  Fantasy Zone  (เครื่องเล่นเช่น  Alice เมืองมหัศจรรย์) , Discovery Land (รถไฟเหาะต่างๆ เช่น Space Mountain ),  Frontieland ทำแบบตะวันตก อินเดียแดง  มีรถไฟเหาะ เช่น Big Thunder  และส่วนสุดท้าย Adventure Land  ( เรือโจรสลัด , อินเดียน่าโจนส์, Pirate of Caribbean )


แผนที่ Disney Studio 


แผนที่ Disney Land Park

เห็นไม๊ว่ามันกว้างใหญ่ขนาดไหน ถ้าคิดว่าจะเล่นให้หมดภายในวันเดียวคงเป็นไปไม่ได้ ยังไงเราก็จะเลือกจุด Hilight ที่น่าสนใจโดยแผนเราวันนี้คืออยู่กันที่นี่ทั้งวันและตอนเย็นก็รอชมขบวนพาเหรด ซึ่งจะเริ่ม 5 โมงเย็น กับ สองทุ่มครึ่ง (แล้วแต่ฤดูกาลด้วยต้องเช็คเวลาอีกที)   
ตอนเช้า เราจะนั่งรถไฟจากสถานี Gare du Nord หรือสถานีที่ใกล้ที่พักของคุณเพื่อให้ไปถึงที่ DisneyLand ก่อนประตูเปิดหรือประมาณ 10 โมง ก็ควรจะขึ้นรถเที่ยวประมาณ 8 โมงครึ่ง เนื่องจากใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง (ให้เช็คตารางเวลาจากเว็บอีกครั้ง) ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 6.7 ยูโร ต่อเที่ยว ต่อคน แต่ที่สถานี Gare du Nord จะมีตั๋วแบบไป-กลับ ( Return Ticket )จำหน่ายด้วย ซึ่งจะถูกกว่าซื้อแยกประมาณ 0.5 ยูโร ลองเช็คราคาดูกันอีกที


เส้นทางรถไฟไป Disney Land Paris

การเดินทางจะต้องมีการต่อขบวนรถไฟโดยเริ่มแรกให้ขึ้นรถไฟสาย RER D สีเขียว เส้นทางไป Melun โดยลงเปลี่ยนขบวนที่สถานี Chatelet-Les Halles เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย RER A สีแดง สุดสายไปลงที่สถานี Marne-la-Valle Chessy ระหว่างที่รอต่อรถไฟสาย RER A จะเห็นได้ว่า มีเด็กมากมายมารอขึ้น รับรองว่าจะไม่หลงแน่นอน 

ป้ายรถสาย RER A สีแดง มุ่งหน้า Disney Land


เมื่อมาถึงสถานี Marne-La-Valle Chessy ซึ่งเป็นสถานีปลายทางที่ลงหน้าสวนสนุก พอดิบพอดี ก็ตัดสินใจเลือกกันเลยว่าชอบสไตล์ ไหน แต่จะต้องจบท้าย ด้วยการมาดู โชว์ หน้าปราสาทในช่วงเย็นนะ   สำหรับตั๋วที่เราซื้อผ่านทาง Internet และพิมพ์มาเรียบร้อยแล้ว สามารถยื่นได้ที่ประตูทางเข้าได้เลย   ซึ่งหากใครซื้อตั๋ว 2 Parks 1 Day มาก็สามารถที่จะเข้าได้ทั้ง 2 สวนสนุก ซึ่งเวลาที่เราจะออกจะออกจากที่ใดที่หนึ่ง จะต้องให้เจ้าหน้าที่บริเวณทางออก ปั๊มตราหมึก ลงที่แขนเสียก่อน ทีนี้ก็สามารถเข้าออกกี่รอบก็ได้ระหว่างวัน

ต้องบอกว่าสวนสนุกแห่งนี้คนเยอะมากเนื่องจากไม่ใช่เพียงนักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศสเท่านั้นที่มาเที่ยว แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศข้างเคียง และแหล่งอื่นๆทั่วโลก ดังนั้นการรอคิวที่นี่นานมาก จนทางสวนสนุกได้ออกบริการพิเศษ คือระบบ
Fast Pass หรือเครื่องช่วยจองคิว วิธีการได้มาซึ่งบัตรนี้คือให้สังเกตุสัญลักษณ์นี้ในแผนที่ที่มีคำว่า Fast Pass บริเวณด้านหน้าเครื่องเล่นก็จะมีตู้สำหรับแจกบัตรนี้ โดยให้เอาบัตรดิสนีย์ ไปเสียบ แล้วตู้ก้อจะออกบัตร fast pass มาในบัตรจะมีเวลาบอกว่า เราจะสามารถเข้าเล่นเครื่องเล่นนี้ได้ตอนเวลากี่โมง แต่ถึงแม้จะมีระบบ Fast Pass แล้วแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเที่ยวสวนสนุกที่นี่ให้ทั่วภายใน  1 วัน เราจึงแนะนำให้เลือกเล่นเฉพาะเครื่องเล่นที่น่าสนใจ ส่วนที่เหลือก็เก็บบรรยากาศเดินถ่ายรูปภายใน และรอเวลาดู โชว์ตอนเย็นก็หมดวันแล้ว  ( หากซื้อตั๋วผ่านทางอินเทอร์เนตและพริ้นท์เป็นกระดาษไป จะต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่บริเวณจุดออกตั๋วเพื่อให้เค้าออกเป็น Ticket ให้ จะได้นำไปใส่เครื่อง Fast Pass )



ช่องออกบัตร Fast Pass   






ตั๋ว Fast Pass

ในบัตร Fast Pass จะเขียนไว้อีกว่า คุณสามารถไปกดบัตร Fast Pass ได้อีกครั้ง ในเวลากี่โมง อย่างเช่น  Another FASTPASS ticket will be available at this attraction after 10:50 นั่นหมายความว่า  คุณจะไปกดบัตร Fast Pass ได้อีกครั้งหนึ่งหลัง 10:50 เป็นต้น

ข้อแนะนำก็คือ คุณต้องดูก่อนว่า อยากเล่นเครื่องเล่นไหนมากที่สุดให้เรียงลำดับ 1-2-3  จากนั้นก็ไปกด Fast Pass ของเครื่องเล่นแรกก่อน  แล้วก็ไปต่อคิวรอเครื่องเล่นที่ 2 (การต่อคิว ปกติ จะใช้เวลาในการรอประมาณ 1-2 ชั่วโมง) พอเล่นเครื่องเล่นที่ 2 เสร็จ ก็ไปกด Fast Pass ของเครื่องเล่นที่ 3 แล้วก็จะรีบกลับมาเล่น เครื่องเล่นที่ 1 ได้ แต่ในช่วงบ่ายๆ Fast Pass จะหมดแล้ว แต่ละเครื่องเล่น ไม่สามารถกด Fast Pass ได้เพราะคนเยอะมาก
เมื่อก้าวเข้าสู่ประตูแห่งดินแดน ดิสนีย์แลนด์ สิ่งแรกที่โดดเด่น และสง่าที่สุด ก็คือ ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์ สมัยก่อนถ้าใครรู้จักแดนเนรมิต สวนสนุกของกรุงเทพฯ ซึ่งปิดตัวไปแล้วก็ได้จำลองต้นแบบจากปราสาทของดิสนีย์แลนด์  




ปราสาท เจ้าหญิงนิทรา  


ภายในปราสาท มีมังกร อยู่ในถ้ำด้านในด้วย 

เริ่มต้นกันด้วยโซน Discovery Land  เครื่องเล่นที่แนะนำคือ Space Mountain และ Star Tours



บัส ไลท์ เยียร์ จาก เรื่อง Toy Story  และภาพคู่อริตัวฉกาจ



เดินๆไปเราก็สังเกตุเห็นใครเดินผ่านไป ผ่านมากำลังกินขนมแปลกๆชิ้นนึง สีแดงๆ เลยพยายามหาว่ามันคืออะไร หาร้านขายอยู่ตั้งนานก็มาเจอ อ๋อนั่นก็คือ Toffe Apple ซึ่งทำจากแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาล สีแดงแป๊ด น่าชิมเป็นที่สุด สงสัยจะเอามาจากการ์ตูนเรื่อง สโนไวท์ แต่หวังว่าคงไม่มียาพิษนะ ฮิๆๆ


เสร็จจาก Discovery Land เราก็เดินไปต่อกันที่ ดินแดน Fantasy Land ซึ่งอยู่ใกล้ๆ โซนนี้ตกแต่งน่ารักๆ สีสรรสดใส เหมาะกับเด็กผู้หญิงนะ เครื่องเล่นที่น่าสนใจคือ Small World และ Peter Pan  







เจอแล้ว ต้นถั่วยักษ์ จากการ์ตูนแจ๊ดผู้ฆ่ายักษ์



โซนถัดไป  Advanture Land ดินแดนของโจรสลัด มีจำลองฉากจากภาพยนต์หลายๆเรื่องทั้ง Pirate of Carribian, อินเดียน่าโจนส์ อาลาดิน รวมถึงหนังการ์ตูนอย่าง The Lion King ด้วย เอ้า ฮาคูน่า มาท๊าทา






ปิดท้ายด้วยดินแดน Frontier Land (ดินแดนตะวันตกของอเมริกา และอินเดียนแดง ยุคบุกเบิก) มีเรือที่ลอยอยู่ในทะเลทราบเป็นสัญลักษณ์


 หลังจากที่เดินเล่นจนเหนื่อยกันพักใหญ่ ก็ลองเปลี่ยนมาเดินฝั่ง Disney Studio ซึ่งจะเน้นเครื่องเล่น หวาดเสียวและการแสดงโชว์ อาทิ Hollywood Tower, Rock’n roller coaster  สตั้นแมน โชว์  (อย่าลืม ให้เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว ทำการปั๊มที่แขน ก่อนออก เพราะจะได้กลับมาดูโชว์ ตอนหัวค่ำ ได้ )









ถ่ายรูปกับตัวการ์ตูนเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เช่นกัน

 เครื่องเล่นหวาดเสียว 
และที่พลาดไม่ได้คือขบวนพาเหรด จะมีโชว์หลายรอบ สามารถเช็คตามเวลาได้ในตาราง  และช่วงท้ายตอนเย็นเรามาจบด้วยการชมโชว์  ซึ่งถือเป็น Hi-light ที่สุด ของที่นี่





 โชว์การแสดงตอนจบ











หลังจากแสดงโชว์จบ ก็หัวค่ำแล้ว เดินกลับมานั่งรถไฟที่สถานทีเดิม เพื่อกลับสู่ที่พัก เป็นอันจบทริป น่ารักๆของวันนี้ไปอีกหนึ่งวัน แนะนำว่าวันนี้จะได้ถ่ายรูปเยอะมาก เตรียม Memory และชาร์จแบตไปให้พร้อมกันด้วยนะ










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น