วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลัลล้า @ (Review: สวิส ตอนที่ 1 Zurich)


สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)


ข้อมูลทั่วไป
สวิตเซอร์แลนด์ หรือชื่อทางการคือ สมาพันธรัฐสวิส (Swiss Confederation) ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปยุโรป ไม่มีทางออกสู่ทะเลและล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ พื้นที่ 2 ใน 3 ของประเทศประกอบไปด้วย ภูเขา หิมะ ป่าไม้ และทุ่งหญ้า ทิศเหนือ ติดกับประเทศเยอรมนี ทิศตะวันออกติดกับออสเตรีย และลิคเตนสไตน์ ทิศใต้ติดกับอิตาลี ทิศตะวันตกติดกับฝรั่งเศส เนื่องมาจากการที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 5 ประเทศ พลเมืองของสวิสจึงใช้ภาษาพูดที่ต่างกัน แต่ภาษาที่ใช้เป็นภาษาทางราชการมี 3 ภาษา คือ ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส และภาษา
อิตาเลียน โดยแต่ละมณฑลจะเป็นผู้กำหนดการใช้ภาษาดังกล่าวเป็นภาษาของทางราชการ
หน่วยของค่าเงินในสวิตเซอร์แลนด์ เรียกว่า สวิสฟรังก์ (Swiss Franc) หรือตัวย่อสากล CHF (Confoederatio Helvetica Franz) อัตราแลกเปลี่ยน 1 สวิสฟรังก์ เท่ากับ 30.50 บาท
(
ณ วันที่ 10 กันยายน 2552 : ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย)
เมืองหลวง ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คือ เบิร์น (Bern)
ภูมิอากาศ ฤดูกาล
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีลักษณะภูมิอากาศ 4 แบบ คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูหนาว อากาศในสวิสเซอร์แลนด์มิได้เหมือนกันทั่วทั้งประเทศ เนื่องจากมีภูมิประเทศที่แตกต่าง
ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาคม - กลางพฤษภาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง 6 - 13 องศาเซลเซียส ฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม - กลางกันยายน) อุณหภูมิในช่วงเวลากลางวันจะอยู่ระหว่าง 20 - 28 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิในตอนกลางคืนจะลดลงเหลือประมาณ 15 - 20 องศาเซลเซียส ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน - กลางพฤศจิกายน) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีฝนตกชุกมากที่สุด อุณหภูมิในช่วงนี้จะเริ่มละต่ำลงไปที่ 7 - 13 องศาเซลเซียสเท่าๆ กับตอนฤดูใบไม้ผลิ ฤดูหนาว (กลางพฤศจิกายน - ปลายมีนาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงนี้ประมาณ -3 ถึง 6 องศาเซลเซียส แต่ในเขตเทือกเขาสูง เช่น บริเวณ Jungfraujoch หรือ Zermatt ก็อาจจะมีอุณหภูมิถึงขนาดติดลบ 10 เลยก็เป็นได้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีหิมะตกหนักในบางเขตด้วย
ข้อควรระวัง ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปตามระดับความสูงของพื้นที่ อุณหภูมิในแต่ละพื้นที่อาจแตกต่างกันราว 5 องศาเซลเซียสต่อความสูง 100 เมตร การเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพออยู่เสมอเมื่อเดินทางจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด อากาศบนยอดเขาสูงเช่น Jungfraujoch , Pilatus จะหนาวเย็นกว่าที่ข้างล่างมาก



วันที่ 5 สวิตเซอร์แลนด์เมืองในฝัน Welcome ซูริค (Zurich)
เมืองซูริก – Zurich
ซูริกเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ เป็นศูนย์กลางสำคัญของธุรกิจพาณิชย์ เศรษฐกิจ และการเงิน ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำ และวัฒนธรรมที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นเมืองที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเมืองหลวงของสวิส ซูริกมีโบสถ์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เริ่มจากโบสถ์ St.Peter ที่มีจุดเด่นตรงหอนาฬิกายักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โบสถ์
Fraumuenster ขึ้นชื่อเรื่องกระจกสีที่สวยงาม และโบสถ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอย่างโบสถ์ Grossmuenster ที่มีจุดเด่นอยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอกโบสถ์ นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น สวนสาธารณะ Lindenhof, พิพิธภัณฑ์ Landesmuseum, พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Kunsthaus, พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต (Lindt & Spruengli), พิพิธภัณฑ์กาแฟ (Johann Jacobs Museum), ย่านช้อปปิ้งถนน Bahnhofstrasse
วันนี้เราวางแผนให้ออกเดินทางจากปารีสแต่เช้า เพื่อจะได้มีเวลาเดินเล่นที่ เมือง Zurich กันเยอะๆ เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมประมาณ 7 โมงเช้า หรือขึ้นกับตั๋วรถไฟที่ได้จองไว้  เราจะเดินทางกันด้วยรถไฟ TGV รถไฟความเร็วสูง วิ่งด้วยความเร็ว 320 กิโลเมคร/ชั่วโมง (เร็วกกว่า Airport Link บ้านเรา 2เท่า ) ให้บริการโดย SNCF (ภาษาฝรั่งเศส:Société Nationale des Chemins de fer Français แปลว่า การรถไฟแห่งชาติฝรั่งเศส) การซื้อตั๋วสามารถดูได้จากหัวข้อวิธีการซื้อตั๋วล่วงหน้า
จากที่พักเราสามารถเดินไปขึ้นสถานี  Gare de I’Est  หรือบางทีจะถูกเรียกว่า Paris EST เพื่อขึ้นรถไฟ แนะนำให้ไปถึงก่อนออกเดินทางประมาณครึ่งชม. เพื่อเตรียมเสบียง ของกินระหว่างเดินทาง เพราะจะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง กว่าจะถึงซูริค




Note สิ่งต้องห้ามลืม นั่นคือ การนำตั๋วรถไฟ ไปลงเวลาที่เครื่องตอกบัตร (Ticket Stamping) บริเวณชานชาลาที่จะออก หากลืมอาจโดนเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วปรับได้นะ
ตั๋ว e-Ticket TGV ที่ซื้อจากเว็บ 


เมื่อถึงเมือง Zurich รถไฟจอดที่สถานี Zurih HB  (HB=Hauptbahnhof อันแปลว่า main station, Bahnhof คือ rail/train station)  



เข้า Check in เข้าพักโรงแรมเพื่อเก็บข้าวของก่อน แล้วอย่าลืมขอแผนที่ได้จากบริเวณ Reception
ตัวอย่างโรงแรม  Alexander Guesthouse
ระดับ 2 ดาว
Feedback   7.2



ในวันนี้เราจะยังไม่ Activate ตั๋ว Swiss Pass เพราะเราซื้อประเภท 4 วัน แต่ที่เที่ยวของเราวันนี้จะอยู่ในเมืองทั้งหมด ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเดินทาง เพราะเท้าสองคู่ของเรานี่แหละดีที่สุด  
  สำหรับประเทศสวิตเซอร์แลนด์  Super Market ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของที่นี่ คือ Coop และ Migros  มีเยอะอยู่ทุกเมือง เหมือน Lotus  กับ 7-11 บ้านเรา และเป็นแหล่งสำหรับซื้อเสบียงเดินทางของเราตลอดทริปที่สวิต ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ขนม ของใช้ต่างๆได้ในราคาที่ไม่แพง  (ที่สวิตส่วนใหญ่ต้องบริการตัวเอง เช่นหลังจากชำระเงินแล้วเราต้องเป็นคนเอาของใส่ถุงเอง บางร้านคิดเงินด้วยนะถ้าเราจะขอถุงพลาสติก)





สัญลักษณ์ร้านสะดวกซื้อ
หลังจากที่ได้นั่งรถไฟกันมาตลอดทั้งเช้า บ่ายนี้เราสองคนพาเดินชมเมือง และโบสถ์ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ ด้วยเส้นทางคร่าวๆ ตามภาพ 


แผนที่เมือง Zurich  








บรรยากาศรอบๆเมือง

เรากลับมาเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Zurich HB เพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน เดินข้ามถนนมาเพื่อเข้าสู่ถนน Bahnhofstrasse สำหรับ Bahnhofstrasse นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแห่งในยุโรป ซึ่งที่นี่นับเป็นที่ที่ดังมากที่หนึ่ง ตลอดเส้นทางของถนนสายนี้จะเป็นเหมือนหมู่บ้านของร้านค้า ถือเป็นถนนสายช๊อปปิ้งที่ยาวที่สุดในสวิสเลยทีเดียว ถ้าแก๊งสาวๆมาคงน่าจะชอบแน่นอน


รถราง บนถนน Bahnhofstrasse



บรรยากาศ 2 ข้างทาง บน Bahnhofstrasse 





ตึกที่นี่ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองด้วยสีสรร หรือตัวตึก 




ระหว่างทาง ถ้าหากว่ากระหายน้ำก็สามารถรองได้จากน้ำพุ เล็กๆตลอด 2 ข้างทาง 


บริเวณรูปปั้น ของน้ำพุที่จ่ายน้ำ หากใครสังเกตุเห็นเข็มเล็กๆ ยื่นออกมาก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะเค้าป้องกันไม่ให้นกมาเกาะและถ่ายมูล ลงไปในน้ำที่เราจะดื่มนั่นเอง 

นอกจากนี้บนถนนสายนี้จะมีตรอกซอกซอยแยกไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เดินตามทางของ Bahnhofstrasse ไปเรื่อยๆ จะไปสุดที่ Zurichsee หรือทะเลสาบซูริค โดยจะมีแม่น้ำ Limmat ไหลแยกจากทะเลสาบนี้  หากมองไปไกลๆ ก็จะเห็นเทือกเขาน้ำแข็งเป็นทิวแถวยาว สุดลูกหูลูกตา  






ภาพริมทะเลสาบ Zurichsee

หลังจากนั่งชมวิว ได้ซักพัก เดินวกกลับไปแต่เปลี่ยนมาเดินเลาะริมแม่น้ำ Limmat แทน เมื่อเดินมาซักพักจะถึง มหาวิหาร Fraumunster ยอดสีเขียว หรือ Church of Our Lady เป็นโบสถ์ที่สวยงามด้วยกระจกสี (Stain Glass) สร้างขึ้นโดย Emperor Ludwig (Louis) ซึ่งสร้างให้แก่ธิดานาม Hildegard ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 แต่มาตกแต่งให้สวยงามด้วยกระจกสีในปี 1970 โดยศิลปินชาวรัสเซียนาม Marc Chagall






โบสถ์ Fraumunster

เดินตรงมาอีกนิดเดียวจะเห็น โบสถ์ที่สอง St.Peter โบสถ์ซังค์ปีเตอร์นี้ ได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่มีหน้าปัดนาฬิกาใหญ่ที่สุดในยุโรป คือ มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 8.7 เมตร ที่จะอยู่ตรงข้ามกับโบสถ์ GrossMunster เป๊ะ โดยมีแม่น้ำ Limmat ขวางกั้น ลักษณะของโบสถ์ GrossMunster จะเหมือนเป็นหอคอยใหญ่ๆ 2 หลังติดกัน ซึ่งสามารถขึ้นไปชมวิวเมือง Zurich จากด้านบนได้ โดยเสียค่าขึ้นเพียง 2 CHF

 โบสถ์ St.Peter






โบสถ์GrossMunster

จุดที่ห้ามพลาดในการถ่ายรูปครั้งนี้คือ สะพาน Munster Brucke เพื่อถ่ายรูปเก็บวิวทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ Limmat โดยมีฉากหลักของเมือง Zurich



ถ่ายจากสะพาน Munster Brucke 
สำหรับตอนเย็นๆ หากใครอยากทานฟองดูชีส ของดีประจำประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็มีให้เลือกทานกันหลายร้าน
ก่อนจะกลับไปที่พักผ่อนเอาแรง เพื่อจะไปตะลุยเมือง Lucern ในวันพรุ่งนี้




“ นายกาก้า  โฮๆๆ ที่รักมาถึงนี่แล้วอ่ะ อยากลองกิน ฟองดู อ่ะ ต้นตำรับๆ
  น้องก้อย เอาซิๆๆๆ  แพงป่าวอ่ะ ชุดนึง
   นายกาก้า   45 CHF อ่ะ
  น้องก้อย   ที่รักตรงนั้นมีร้านจีนขายจานละ 10 CHF เอง ไปกันๆๆ (พร้อมกับดึงมืออย่างแรง) ”






ตุนเสบียง

1 ความคิดเห็น: