วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ลัลล้า @ มาเล๊ มาเล มาเลเซีย วันสุดท้าย

เช้าวันรุ่งขึ้น พวกกลุ่มพี่ตั้ม ต้องเดินทางกลับก่อน เพราะตั๋วกลับพวกพี่ๆเค้าเป็นช่วงบ่าย 3  ดังนั้นต้องรีบออกแต่เช้า ลงไปซื้อตั๋วรถเมล์ เพราะไม่งั้นมีเสี่ยงตกเครื่องบินได้ ส่วนเราสองคนได้ไฟล์ทกลับช่วง
3 ทุ่ม ช่วงเช้า หลังจาก Check out เรียบร้อย โดยที่ Genting วิธี Check out ง่ายๆแค่เอาบัตรไปหย่อนที่ตู้อัตโนมัติ ซึ่งอยู่หน้าลิฟท์ชั้น ล่างแค่นั้นเอง 
จากนั้นก็ไปหา Locker ฝากกระเป๋า ก่อน
แถวๆตู้ Locker จะมีเจ้าหน้าที่แอบดูเราอยู่ ถ้าทำท่ายืนงงๆ เดี๋ยวเค้าก็มาช่วยเองอ่ะ 5555

 ลงมาหาอะไรกินอุ่นๆด้านล่าง มีร้านโจ๊ก ร้านนึง อร่อย แต่จำชื่อร้านไม่ได้อ่ะ

หลังจากนั้น ก็ออกมาเดินเล่น Outdoor Park ด้านนอก 









ตั้งใจว่า จะถ่ายภาพปรากฏ หมอก หรือเมฆไม่รู้ ลอยเต็มไปหมด ต้องรอจังหวะ ฟ้าเปิดหน่อยๆ ถึงได้รูปตึกมาเนี่ย ไม่งั้นไม่เห็นอะไรเลย

ส่วนเครื่องเ่ล่น สวนสยามบ้านเราสนุกกว่าเยอะ Confirm เดินไปซักพัก ไม่ได้เล่นอะไรเลย เสียค่าเข้าไปคนละ 600 ไม่น่าเลย ตู แต่ไหนๆก็มาละ ได้กินตังค์ตูครั้งนี้ครั้งเดียวแหละเฟ้ยย

 ม้าหมุนสำหรับเด็กจริงๆ เล็กกว่าสวนสยามบ้านเราเยอะ

น้องก้อยชอบรูปนี้อ่ะ เพราะบอกขายาววว 5555

หมอกลงอีกแล้ว รีบถ่ายๆ




ไปเล่นอะไรกันดีค่ะ ^^



อันนี้น่าจะเสียวนะ แต่เสียตังค์ต่างหาก + ค่าฝากของอีกเช่นกระเป๋าถือ โฮ ขูดรีดกันชัดๆ ไม่เล่นเฟ้ย 

บรรยากาศรอบๆ Theme Park






อ้าว ถึงเวลา ลง กระเช้าแล้ว วางแผนไว้ว่าจะไปเดินในเมือง พอลงกระเช้ามาตอนบ่าย 2  ได้ตั๋วรถรอบ 4 โมง อะโฮ แล้วตูจะทำอะไรอีก 2 ชม.เนี่ย ฮ่วยจริงๆ ระบบบริหารจัดการ แย่มาก คนนั่งรอไปไหน ก็ไม่ได้ เพราะมันไม่มีอะไรเลย ข้างล่าง นั่งดม ควันบุหรี่ กับควันรถ ที่ท่ารถเมล์ไป
บางคน ก็เช่า Taxi กลับเมืองเลย ถ้ามี 4 คนคงจ้างไปแล้ว คุ้มกว่าเยอะ
อ้อ ที่นี่ Taxi นั่งได้ 4 คนนะ ไม่เหมือนบ้านเรา อัดได้เท่าไหร่ อัดเข้าไป 555

ไปถึง KL Sentral ตอน 5 โมงเย็น เวลาที่วางแผนไว้ผิดแผนหมดเลย เพราะไอ้ตั๋วรถ Genting นี่แหละ เลยกลายเป็นว่ามีเวลาในเมืองอีก แค่ 1 ชม. ก่อน จะต้องไปสนามบิน เพราะต้องเผื่อเวลารถไปสนามบิน 1 ชม. และต้อง Check in ก่อนเวลา อีก 1 ชม. เครื่องรอบ 3 ทุ่ม เลยวางแผนว่าต้องออกจากในเมืองตอน 6 โมง เวลา1 ชม. ที่เหลือ เอาไงดี ปะ น้องก้อย ไป Petronous อีกรอบอยากถ่ายตอนกลางวันดูว่าเป็นไง



เป็นอันจบทริป มาเล๊ มาเล ไปแบบฮ้วนๆ กันเลยทีเดียว เพราะตอนหลัง ตากล้องขี้เกียจถ่ายละ 555  ไว้พบกันทริปหน้า ดูซิว่า  ประเทศใดที่ เราจะพาหัวใจไปลัลล้า กันนะครับ ^^
สรุปค่าใช้จ่ายในทริป ลัลล้า @ มาเล๊ มาเล มาเลเซียกันจ๊า (สำหรับ 2 คนจ๊า )

 
วันที่รายละเอียดราคาราคาบาท
Unitรวม







Jan 20, 11ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ มาเลเซีย2




BKK->KL14500
29000

ค่ารถไฟ + Shutter Bus → ปูตราจายา105.5
2110

รถเมล์เที่ยวในปูตราจายา 102
240

ค่ารถไฟไป KL Sentral 105.5
2110

ค่ารถ Monorail จาก KL Sentral → Bukit Bintang102.1
242

ค่าโรงแรม Apple Hotel 10103
11030

ค่ารถไปกลับ Monorail จาก Bukit Bintang ↔ KLCC103.7
4148







Jan 21, 11ค่ารถ Monorail จาก Bukit Bintang → KL Sentral103.4
268

ค่ารถไฟฟ้าจาก KL Sentral → Musjid Jamek101.2
224

ค่ารถไฟฟ้าจาก Plaza Rakyat ->Bukit Bintang102.4
248

ค่ารถ Monorail จาก Bukit Bintang → KL Sentral103.4
268

ค่ารถบัส +กระเช้า ไป Genting107.3
2146

ค่าห้องที่ Firstworld Hotel1028
1280
Jan 22, 11ค่าเข้า Outdoor Park1060
21200

ค่า Locker105
150

ค่ากระเช้าลง genting + รถกลับไป KL Sentral 103.4
268

ค่ารถไฟฟ้าไป KL<-> KLCC101.6
464

ค่ารถShutter bus ไป Airport109
2180








ค่ากิน วันละ 1000 (2 คนต่อวัน)11000
33000

ค่า Shopping
1000
11000













16,676

อัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 เหรียญมาเล = 10 บาท

ตกแล้ว คนละ 8,338 บาท  ครับ ^^ ใครที่อยากประหยัดก็ลดค่ากิน ค่า Shop กันเอาเองนะ

ลัลล้า @ มาเล๊ มาเล มาเลเซีย วันที่ 2

วันที่ 2   ไปเดินเล่นในเมือง และ Shopping ของฝากช่วงเช้า บ่ายเดินทางไป Genting  

นัดกัน 8 โมงครึ่ง แต่กว่าทุกคนจะพร้อมก็ 9 โมงเช้า Check Out ออกจากโรงแรม แอปเปิ้ลแล้ว ก็รีบไปซื้อตั๋วรถ Bus ไปเก็นติ้ง  (Genting) เสียก่อน เพราะกิตติศัพท์ เค้าบอกกันว่า ตั๋วรถที่นี่หมดเร็วมาก ไปเช้าได้บ่าย ขึ้น Monorail สถานทีเดิม Bukit Bintang ไปลงที่ KL Sentral 
กลิ่นหอมๆนี่มัน ............................................................................................

แวะซื้อ ปาท่องโก๋ ย๊าว ยาว แถวโรงแรม
ตั๋วรถไปเก็นติ้งรวมค่ากระเช้า ประมาร 7-8 RM  หรือประมาณ 70-80 บาท เองอ่ะ แต่เค้าจะมีตั๋วพวกค่าเข้า Theme Park ด้วย ถ้าซื้อ แบบ Indoor + Outdoor Park ด้วย จะถูกมากๆ แต่เผอิญว่าเราได้ตั๋ว รถตอน "15:30"  (จ๊ากกก ตามที่คาดเลย )  Out door Park ปิดตอน 18:00  เลย ซื้อแต่ตั่วโดยสารอย่างเดียวดีกว่า  ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที  
 

หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อย เราก็ขึ้นรถไฟสายสีแดง (LRT) ไปลง ที่สถานี Masjid Jamek ระยะทาง 2 สถานี ค่ารถไฟฟ้า RM 1.3 (ประมาณ 13บาทเอง บ้านเราจะมีถูกแบบนี้ได้ไม๊เนี่ย )  ที่เที่ยวสำคัญได้แก่ มัสยิดจาเมค (Musjid Jamek), จัตุรัสเมอร์เดก้า (Dataram Merdaka), อาคารสุลต่าน อับดุล ซาหมัด, อาคารรอยัง เซอลังงอร์ เหมือนไปหลายที่เลยใช่ไหมครับ จริงๆแล้วมันอยู่ติดๆ กันหมด 5555

แผนที่เดินตาม ลูกศร สีแดง ผ่านจุดสำคัญๆทั้งหมดอ่ะ


 แท่น แท่น แท๊น ที่แรก ที่ต้องมา เหมือนทัวร์เปี๊ยบ ก็ มัสยิด จาเม๊ก นั่ง รถไฟมาลงได้ตามชื่อ สถานีเลย
ภาพ Musjid Jamek จากกลางสะพาน
มัสยิดจาเมค  ตั้งอยู่ที่จุดรวมของแม่น้ำกอมบักและแม่น้ำคลาง เป็นมัสยิสที่เก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.. 1909 รูปแบบสถาปัตยกรรมลอกเลียนมาจากมัสยิดในอินเดียภาคเหนือในอดีตเคยเป็นมัสยิดที่สำคัญที่สุดของกัวลาลัมเปอร์ จนกระทั่งมีการสร้างมัสยิดแห่งชาติในปี ค.. 1965 เราไม่สามารถเข้าไปด้านในได้นะครับต้องถ่ายรูปจากด้านนอก เท่านั้น

เดินอ้อม มาด้านหลังมัสยิด เพื่อไปยังจุด hilight ถัดไป อ้าว มองเห็น แบงค์กรุงเทพฯ ด้วย ตึกแถวนี้ ดูเก่า แต่สวยงาม มีเอกลักษณ์ ขนาดเสาไฟ ก็ตกแต่งซะสวยเชียว นางแบบ ทริปนี้ 4 คน ไม่มีใครยอมกันเล้ยยย ^^ ฮิๆๆ

รูปบน ชอบมาก เห็นพี่มิ้ง ก้มหาไรไม่รู้ แอบถ่ายซะเลย 555
เดินมาอีกหน่อย ก็เห็น เสาธง ที่เคยสูงที่สุดในโลกด้วย มันจะแข่งกันสูงอะไรนักหนา เนอะ

อ้าว รูปล่างขวา ดันถ่ายพี่ตั้ม แหว่งซะงั้น >< แง๊วว ขอโทษฮับบบ
วันนี้มือไม่เข้าฝัก


ตึกอะไรไม่รู้ จำไม่ได้ละ แต่สวยดี ^^''
ภาพสวยๆจากเลนส์ Fish Eye ของพี่ตั้ม เย้ๆๆ มีรูปคู่กับเค้าแล้ว


ฝั่งตรงข้ามของ ไปรษณีย์ จะเป็น จตุรัสเมอร์เดก้า ที่เห็นเป็นตัวเลข 1 2 3 ไม่รู้อะไรอะน่ะ แต่เค้าบอกคล้ายๆกับสนามหลวงบ้านเรา อ้าว มองนาฬิกาอีกที จะเที่ยงแล้ว รีบหาอะไรลงท้องดีกว่า หิวแล้วจ๊าาาา


เดินหลบล่มมา   ก็เลยได้มุมนี้มา เอ้า นางแบบ ยิ้ม

มุมสาระ
  อาคารที่ทำการไปรษณีย์เก่า อยู่ติดกับตึกสุลต่านอับดุลซามัด จัตุรัสเมอร์เดก้า (ชื่อเต็ม ดาตารันเมอร์เดก้า) เป็นสถานที่แสดงความเป็นเอกราชของมาเลเซียไม่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีกต่อไป ธงชาติอังกฤษได้ถูกชักลงเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.. 1957
ปัจจุบันจัตุรัสเมอร์เดก้ายังคงเป็นสถานที่สำคัญที่ใช้ในพิธีสวนสนามของตำรวจและการแข่งกีฬาคริกเกต ส่วนหลังคาแดงที่เห็นในรูปด้านบน เป็น สโมสรรอโยเซอรลังงอร์ เป็นอาคารไม้หลังเล็ก เป็นคลับของคนเล่นคริเก็ต 
ส่วนเสาธงต้นนี้ อดีตเคยเป็นเสาธงที่สูงที่สุดในโลก รู้สึกว่ามาเลเซียก็ชอบอะไรที่เป็นที่สุดในโลกเหมือนกัน เสียดาย
ส่วนตึกฝั่งตรงข้ามคือ ตึกสุลต่านอับดุลซามัด เป็นหนึ่งในอาคารประวัติศาสตร์อาคารแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค..1897 ตั้งชื่อตามพระนามขององค์สุลต่านผู้ปกครองรัฐ และเป็นที่ตั้งของหน่วนงานรัฐบาลในสมัยที่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษรูปแบบของอาคารเป็นแบบมาโฮเม็ตหรือซาราเซ็นสมัยใหม่ ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐที่มีขนาดใหญ่สุดในสมัยนั้น ปัจจุบันอาคารแห่ง
นี้เป็นที่ตั้งของศาลฎีกาและพิพิธภัณฑ์สิ่งทอ

หลังจากนั่งพักเหนื่อย ก็ได้เวลากินแล้ว ตะกี้เราเดินผ่านร้านข้าวมันไก่ น่ากินมั๊กๆ ตรงสะพาน เลยตัดสินใจเลือกร้านนี้แหละ 
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ อิๆๆ

หม่ำๆ ข้าวมันไก่ Satey ไก่ย่าง ทานกันจนอิ่ม รวมแล้ว 350 บาท+ค่าน้ำอีก ตกคนละ 60 ก่าบาทเอ้งง
เสร็จ ก็ไปเดินซื้อของฝากที่ Central Market อันนี้เสียตังค์เยอะสุด 600 กว่าบาท  เหมือนจตุจักรบ้านเรานะแหละ แต่อยู่ในห้องแอร์

 เสร็จแล้วออกมาจากร้านข้าวมันไก่นิดเดียว เลี้ยวขวาตรงแยกไฟแดง เดินตรงไปก็ถึงแหล่งซื้อของฝากที่ Central Market

Central Market ก่อสร้างในปีค.. 1988 เดิมทีเป็นตลาดสดขายอาหารทะเล, เนื้อ, ผัก และสินค้าทั่วไป มีการปรับปรุงตลาดแห่งนี้หลายครั้ง จนกลายเป็นที่ขายสินค้า งานหัตถกรรม ภาพวาด พวงกุญแจ ของที่ระลึก ในวันศุกร์ - เสาร์ 20.00 . จะมีการแสดงทางวัฒนธรรมของมาเลเซีย และมีการแสดงละครในวันอาทิตย์

เที่ยงนิดๆ เรายังมีเวลาอีกเพียบเลยเพราะรถออกบ่าย3 ครึ่งเลยตัดสินใจว่า เรากลับไปแถว Bukit Bintang ที่เราพักดีกว่า แถวนั้นเป็นย่าน Shopping ที่เรายังไม่ได้เดินกันเลย  ออกจาก central market อีกด้านจะเป็นสถานีรถไฟ  Plaza Lakyat นั่งไปลงสถานี Dang Wangi แล้วต่อ Monorial ไปลง Bukit Bingtang
 ไป Shopping แถว Bukit Bintang เป็นห้าง Lot10  ได้ลองเล่น 4G ด้วย แหม เห็นแล้วมันอิจฉาเจ็งๆ เล้ยยย บ้านเรา 3G ยังทะเลาะกันแทบตาย

สุดท้าย เพราะอิ่ม + อากาศร้อน เลยมานั่งหลับ ในห้างเย็นๆ ดีกว่า ระหว่างรอ ไป Genting ตอนบ่าย 3
ในฝัน อยากกิน ไอติม Swensen แต่หาร้านไม่ได้ อด เยย แง่มๆๆ  "ตากล้องโดนแอบถ่าย อ่ะ ><.."



 ประมาณบ่าย 2 ครึ่ง ได้เวลาละ เผื่อเวลาไป KL Sentral เรานั่งรถ Monorail ไปอีกครั้ง เผื่อเวลาไว้นิดหน่อย แต่รถที่นี่ออกตรงเวลาไปรอ ดีกว่าตกรถเนอะ 555 มะ รถใช้เวลาวิ่งจาก KL Sentral  1ชม กว่าๆ หลับๆตื่นๆหลายรอบ เพราะคนขับซิ่ง ยิ่งไอ้เราเห็นข่าว รถบัส คว่ำที่มาเล วันก่อน เลยยิ่งเสียว เข้าไปใหญ่  ประมาณ 4 โมง นิดๆ ก็มาถึงตีX เขา  มานั่งกระเช้า ต่อ ขึ้นไปบนเขา โฮ มันจะไปสร้างกันสูงอะไรขนาดนั้น เนี่ยยยย ยิ่งสูงอากาศก็เริ่มเย็นลงๆ ดีจังเลย
***  อ้อ ถ้าไปถึงแล้ว แนะนำให้ซื้อตั๋วรถ กลับไป KL Sentral ไว้ก่อนเลย ที่ชั้น B3 ก่อนขึ้นกระเช้า เพราะไม่งั้นลงมาพรุ่งนี้ ต้องมานั่งรอ รถอีก 2 ชม.แหงมๆ




ข้อมูล จองโรงแรมที่เก็นติ้ง http://www.rwgenting.com/
ถึงแล้ว โรงแรมที่เรา พัก  First World Hotel ดูสีสรร กระฉูดตา มีด้วยกัน 2 ตึก จำนวนห้องทั้งหมด 6000 กว่าห้อง ถือว่าเยอะที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้  หมอกเริ่มลง อากาศเย็นมาก ลมแรง ตอนนี้ น่าจะซัก 10 กว่าองศา เอง มั๊ง เข้า Check in โรงแรมก่อน โดยเอาข้อมูลที่เราจองโรงแรมไว้จากอินเทอร์นเต ไปยื่นตรง Counter กลางก่อน แล้วเค้าจะให้บัตรคิว เพื่อรอ Check-in อีกที (ยุ่งยากไม๊หละ แต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะลูกค้าเยอะจริงๆ มี Counter Chec-in ประมาณ 50 Counters ฟังไม่ผิด 50 Counters และคนเต็มตลอดด้วย

ตอนที่เราไป เป็นช่วงก่อนตรุษจีน First World มี Promotion " Pre-CNY หรือ Pre-Chinese New Years"   เราได้ที่ราคา 28 RM หรือ 280 บาท ฟังไม่ผิด สอง-ร้อย-แปด-สิบ-บาท-ถ้วน   โชคดีมากๆ ^^ ฮุๆๆ  ถ้ามาปกติก็ 900-1200 บาท แล้วแต่ Low High Season ถูกไม๊หละ มาเล๊ มาเล


 ระหว่างที่เดินเที่ยวไปมา ใน Genting ทางเดินซับซ้อน พอควร ตามป้ายไปไม่หลง 



พวกพี่ๆเค้าอยากไปเล่น ไอ้ข้างบน หนะ แต่มันปิด แล้ว เลยขอถ่ายรูปไว้ก่อน เดี๋ยวว่ามาไม่ถึง 55
ข้างนอกปิด ก็มาเดิน Indoor ได้ถึง เที่ยงคืน ดึกกว่านั้นก็ไปคาสิโนต่อเล้ยยย

 ถ่ายบรรยากาศมาให้ดู ไม่ได้เล่นอะไรซักอย่างเพราะมันเดะ ๆ อ่ะ 555 ของเราต้องเสียวๆ


มีทั้งหอไอเฟล เรือกอนโดล่า แบบอิตาลี  หิวๆ ก็มานั่งกินอะไร อร่อยๆ ที่ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวว ฮิๆๆ 
จากนั้นสาว ๆ ก็ไปเดิน Shopping หนุ่มๆอย่างเรา ก็นั่งรอ ไป เสร็จแล้วจะลองไปเข้าคาสิโน ก็เช็คเครื่องแต่งกายดันใส่แตะซะงั้น เลยต้องไปเปลี่ยนใส่ให้มันเรียบร้อย กลัวเค้าว่าเอา  แต่พอเข้าไป เฮ้ย เหมือน บ่อน ในหนังจีนไงไม่รู้ ควันบุหรี่ ลอย เต็มไปหมด โฮ เสื่อมอย่างแรง  โร้งเร้ง ๆ ลากแตะเดินก็ได้ ไรฟะเนี่ย ไม่น่าเสียเวลาเลยตู  แต่อย่างน้อยก็เข้าไปกิน โกโก้ หรือ กาแฟ ฟรีหละกัน -_-''
เอ้า ไหนๆก็มาแล้วเสียงตังค์เล่น ตู้โยก ซะหน่อย เลยโดนดูดจนหมด ไม่วาย ยืมตังค์พี่เค้ามาถอนทุน 555 แต่สุดท้าย หายทั้งทุน หายทั้งตังค์ที่ยืม แป่ววว

หมดวันที่ 2 แล้ว ขึ้นไปนอนพักได้ ไว้พรุ่งนี้ลองไป outdoor park กัน ดีกว่า


สภาพห้องพัก 280 บาท ของเราคืนนี้ 
น้ำดื่ม 100 Plus ที่พี่ตั้ม ชิมแล้วก็ อืมมม......


 
ป.ล. ขอบคุณรูปสวยๆจากพี่ตั้ม หลายรูปเลยค๊าบบบ ^^