วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลัลล้า @ (Review: อิตาลี ตอนที่ 3 ปิซ่า)


วันที่ 12 FlorencePisa (หนีตามกาลิเลโอ กันดีกว่า)

หอเอนแห่งเมืองปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) เป็นหอคอยหินอ่อน สูง 54 เมตร (181 ฟุต) มี 8 ชั้น แต่ละชั้นมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายวิจิตรรองรับ ได้ลงมือสร้างเมื่อ พ.ศ. 1717 (ค.ศ.1174) ไปแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 1893 (ค.ศ. 1350) ใช้เวลานานถึง 176 ปี นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก ความน่ามหัศจรรย์อีกอย่างคือ เมื่อเริ่มสร้างได้ 4-5 ชั้น หอนี้เริ่มเอียง แต่ไม่ถึงกับพังทลายลงมา  เพราะแรงที่จุดศูนย์ถ่วง เมื่อลากดิ่งลงมาไม่ออกนอกฐาน จึงไม่ล้มยังทรงตัวอยู่ได้ เมื่อสร้างเสร็จยอดของหอเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 4 เมตร (14 ฟุต)

กาลิเลโอ กาลิเลอิ เคยใช้หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisaนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกมีน้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นตามที่กาลิเลโอคาดไว้ หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisaได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา

เช้าวันที่ 12 แล้วเหลืออีกแค่3 วันที่อิตาลี หากเริ่มรู้สึกล้าจากการเดินทางยาวๆ ก็พักให้เต็มที่แล้วออกเดินทางตอนสายๆ เพราะวันนี้เราจะไปแค่หอเอนปีซ่า ซึ่งใช้เวลาแค่ครึ่งวัน จะมีอีกครึ่งวันให้ได้พักหรือช้อปปิ้ง ดังนั้นอาจไม่ต้องรีบตื่นเช้ามาก การเดินทางไปปิซ่าก็คือมาขึ้นรถไฟที่สถานี Florence S.M.N. ไปลง Pisa (Tutte Le Stazioni) รถไฟมีออกทุกๆ 20 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.


เวลาเดินรถไฟจาก Florene ไป Pisa

ถึงสถานีเราก็มองหาว่า หอเอนมันอยู่ที่ไหน มองเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เหลือบไปเห็นแผนที่ ถึงได้อ๋อว่า เราต้องเดินกันไปอีกพอสมควร
ภาพ แผนที่ Pisa

หลังจากออกมาจากสถานีรถไฟ ให้ข้ามถนนตรงไปเรื่อยๆ จะพบกับทางเวงเวียนใหญ่  ให้เดินต่อไปบนถนน CORSO ITALIA จะนำไปสู่สะพาน Porte di Mezzo ข้ามแม่น้ำ ระหว่างทางก็มีร้านขายสินค้ายี่ห้อดังๆมากมาย ถนนเส้นนี้เป็นที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมาก (ถ้าเดินผ่านถนนเส้นอื่นๆ จะไม่ค่อยได้พบผู้คนซักเท่าไหร่) มีทั้งขายขนม เยลลี่ คุกกี้แบบชั่งกิโล และอื่นๆอีกมากมาย
ภาพ สถานีรถไฟ ปิซ่า








2 ข้างทาง บนถนนมุ่งหน้าสู่หอเอนปิซ่า


แม้แต่ ฝาท่อปะปา ก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง

รถขนของคันเล็ก น่ารักเหมาะกับเมืองเล็กๆอย่างปิซ่า 


 ของที่ระลึก น่ารักๆ สไตล์ปิซ่า

ขนม น่ากินที่ปิซ่า ไม่รู้เรียกว่าอะไร


จักรยานให้เช่า สำหรับถีบ 2 คน ก็โรแมนติก ไปอีกแบบ

ถึงแล้ว ลานมหัศจรรย์ (Field of Miracle หรือ Campo dei Miracoli) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ หอเอนปีซ่า (the Leaning Tower of Pisa)  โบสถ์ (the Duomo of Pisa) วิหารสำหรับพิธีล้างบาป (the Baptistry) สุสานเก่าแก่ (the Monumental Cemetery หรือ The Camposanto Monumentale) 
Hilight แรกของเราต้อง หอเอนปิซ่า






หอเอนปิซ่า

อาคารด้านข้างของหอไอเฟลคือ มหาวิหาร (Duomo) ออกแบบโดย บุสเกโต (Buscheto) สร้างอุทิศแด่พระนางมารีอา (Santa Maria Assunta) เมื่อปี ค.ศ. 1063 เป็นอาคารหินอ่อนสีขาวรูปไม้กางเขน ศิลปโรมันเนส (Romanesque) ซึ่งเป็นที่นิยมกันในยุโรปช่วงปลายคริสศตวรรษที่ 10 ก่อนจะพัฒนาไปเป็นแบบโกธิกในคริสศตวรรษที่ 12 โครงสร้างคานรับน้ำหนักของมหาวิหารแห่งนี้รับอิทธิพลจากอิสลามเพราะในยุคนั้นเป็นช่วงที่เมืองปิซาติดต่อค้าขายกับแขกมัวร์ในสเปนและแอฟริกาตอนเหนืออยู่มาก


Duomo ที่ ปิซ่า 

ภาพ จากบนยอดปิซ่า

อาคารถัดไปเห็นอาคารทรงกลมขนาดใหญ่นั่นคือ หอศีลจุ่ม (Baptistery) สร้างเมื่อปี ค.ศ.1152 อุทิศแด่นักบุญยอห์น บัปติสต์ (Battistero di San Giovanni) โดย ดีโอตีซัลวี (Diotisalvi) ยอดโดมประดิษฐานรูปนักบุญยอห์น ภายในมีอ่างศีลจุ่มเป็นศูนย์กลาง และมีรูปสลักจากหินประดับไว้จำนวนมากเพราะมีพื้นที่ภายในที่ค่อนข้างกว้าง ด้วยโดมที่สูงถึง 54.86 เมตร มีเส้นรอบวงของอาคาร 107.24 เมตร นับเป็นอาคารทรงกลมที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี  


  ภาพ หอศีลจุ่ม (Baptistery)
 
 ด้านข้างของหอเอนปิซ่า จะมองเห็นกำแพงยาว นั่นคือ สุสานแคมโปซองโต (Camposanto or Cemetery หรือ Holy Field) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1278 โดย Giovanni di Simone ตามตำนานเล่าว่า ดินที่ใช้ในการสร้างสุสานแห่งนี้ถูกนำมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงผู้มีชื่อเสียงและสมาชิกครอบครัวเมดิแคน( Medicean family) เท่านั้นที่จะนำร่างมาฝังไว้ที่นี่ได้ สุสานแห่งนี้ตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วาดโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 14 และยังมี รูปแกะสลัก รูปปั้น ประดับไว้อีกด้วย 



สุสานแคมโปซองโต


สรรสร้าง ท่าถ่ายรูป  ที่ ปิซ่า คุณจะได้เห็นท่าทางแปลกๆ ในการถ่ายรูป โดยใช้ ฉากหลังของหอเอน เป็นส่วนประกอบ ดูกันเอาเองแล้วกัน ว่าใครทำแบบเค้าคนนี้ได้บ้าง

ท่า Action แปลกที่ปิซ่า 
หากใครอยากจะขึ้นหอปีซ่า สนนค่าบริการที่  15 ยูโร เพื่อเก็บบรรยากาศของเมืองรอบๆ จากด้านยอดของหอเอน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะปล่อยให้ขึ้นไปเป็นรอบๆ รอบละประมาณ 20 นาที ที่ตัวเมืองของปิซ่าไม่ใหญ่มากนักหลังจากที่เราใช้เวลาที่นี่ ประมาณ 1 ชม. ก็เดินทางกลับ  Florence


บรรยากาศศาลาว่าการเมือง ปีซ่า

Note หากขากลับไม่อยากเดินก็สามารถขึ้นรถเมล์ สาย LAM สีแดง เพื่อกลับมายังสถานีรถไฟได้
ช่วงเย็น เราจะกลับมาที่ Florence แล้ว เดิน Shopping หาของฝากกัน 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น