ลัลล้า @ (Review: ฝรั่งเศส ตอนที่ 2 ลูฟ )

วันที่ 2 พิพิธภัณฑ์ ลูฟ   & ชองเซลิเซ่

รู้ไว้ใช่ว่า

วันนี้จะพาไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ แห่งหนึ่งของโลก นั่นคือ พิพิธภัณฑ์ ลูฟ ( Musee du Louvre)  ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแซนน์  สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 12  เดิมเป็นที่ตั้งป้อมปราการ และเป็นพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์ฝรั่งเศสหลายพระองค์ ด้านหน้าเป็นปิระมิดแก้ว ภายในเป็นที่สะสมงานศิลปะ ตั้งแต่พระเจ้าฟรังค์ซัวร์ที่ 1 สิ่งที่มีชื่อเสียงของพิพิธภัณฑ์ลูฟ อาทิ รูป โมนาลิซ่า  รูปปั้นวีนัส  ฯลฯ

    และในตอนบ่ายจะพาไปเดินจตุรัสคองคอร์ท (Place de la Concorde)  เป็นจัตุรัสที่กว้างใหญ่ที่สุดของกรุงปารีส สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ระหว่างปี ค.ศ. 1753-1775 โดยทรงให้ Jacques-Ange Gabriel เป็นสถาปนิกออกแบบตกแต่งบริเวณ ในบริเวณลานกว้างใหญ่เนื้อที่ 62,000 ตารางเมตร มีรูปปั้น น้ำพุ มีเสาหินสูง 23 เมตร ชื่อ โลเบลิสต์ เดอ ลุกซอร์ ( L’Obélisque de Lougsor ) ซึ่งปาชาโมฮำเม็ด อาลี แห่งอียิปต์ถวายแก่พระเจ้าหลุยส์-ฟิลลิป ในปี ค.ศ. 1836  อีกทั้งยังเคยเป็นลานประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวเนตอีกด้วย  

ต่อด้วย ถนน ชองเซลิเซ่  ประตูชัย  อาร์ เดอ ทริอองฟ์ (Arc De Triumph ) เป็นประตูชัยขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะของนโปเลียนโบนาปาร์ต  เป็นกษัตริย์ที่มีความยิ่งใหญ่ในการรบ  ปัจจุบันเป็นประตูเมืองนครปารีสและเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของฝรั่งเศส  นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกชิ้นด้วย  อีกทั้งถนนชองเซลิเซ่ ก็นับเป็นถนนแฟชั่นที่มีชื่อเสียง  ถนนนี้มีสินค้าแบรนด์ดัง อาทิ น้ำหอม เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง  ณ ร้าน Duty Free หรือ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังอาทิ แกลลารี-ลาฟาแยตต์ (ร้านค้าปิด 5-6 โมงเย็น)

กู๊ดมอนิ่ง ปารีส

7 โมงเช้าแล้ว ไม่มีไก่ขันแต่ก็ต้องลุก มาเมืองนอกทั้งที เวลาทุกนาทีมีค่าเสมอเพราะไม่ได้มากันบ่อยๆ  บางคนอาจจะตื่นเองอัตโนมัติก็ได้เพราะเวลาบ้านเราก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่าแล้ว หลังจากทำภารกิจส่วนตัวกันเรียบร้อย ก็เตรียมออกเดินทาง เติมน้ำดื่มเตรียมของกินให้พร้อม  ล็อคห้องพักเสร็จแล้วฝากกุญแจไว้ที่ เคาเตอร์ เพื่อเค้าจะได้เข้าไปทำความสะอาดให้เราได้  

ตะลุยปารีส   

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์  เปิดเวลา 9 โมง ปิด 6 โมงเย็นและจะปิดทุกวันอังคาร (Note: วันอาทิตย์แรกของทุกเดือน ลูฟร์ จะเปิดให้เข้า ฟรี วันประกาศหรือวันหยุดสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://www.louvre.fr ) ดังนั้นเราควรจะไปถึงก่อนซัก ครึ่งชั่วโมง เพราะหากไปช้าคิวจะยาวมากๆ โดยออกจากที่พักไปสถานี Poissonniere ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม หากดูในแผนที่โรงแรมจะเห็นว่ามีสถานีรถไฟใกล้เคียงถึง 3 สถานี (สังเกตตัว (M) ) คือ Chate d’Eau  , Gare du Nord และ Poissoniere

 อตั๋วจากเครื่องขายอัตโนมัติ

  เครื่องขายของอัตโนมัติ

รถไฟใต้ดิน

เราเลือกขึ้นสาย M7 สีชมพู มาลงที่สถานี  Palais-Royal(Musee du Louvre) ค่าโดยสารต่อคน 1.7 ยูโร

เส้นทางการเดินทางไปพิพิธภัณฑ์ ลูฟ

ที่ฝรั่งเศสเวลาจะหาทางออกง่ายๆ สังเกตุป้าย คำว่า Sortie (Exit)

เมื่อมาถึงสถานี จะอยู่ใต้ดิน ซึ่งเชื่อมต่อกับ ตัวพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะเดินเช้ามาถึงลานตรงกลางบริเวณ พิระมิด (Pyramide)

  ประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟ 

ร้านของที่ระลึก กับวีนัสตั่วจิ๋ว 

ระหว่างสถานีรถไฟใต้ดิน เข้าไปยังพิพิธภัณฑ์จะมีร้านขายของที่ระลึก  ร้านอาหารต่างๆ 

   ภายในโถงใต้ดิน ที่มีทั้งร้านอาหาร, ต่อแถวเพื่อเข้าไปพิพิธภัณฑ์ , ภัตตารใต้ดิน , ลานพิรามิด
 เมื่อเข้ามายังใจกลางของพิพิธภัณฑ์จะเป็นบริเวณจุดขายตั๋ว และที่เช่าเครื่อง Audio Guide ราคา 6 ยูโร 

  เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ

จุดบริการแผนที่ หลายๆภาษา

 จุดให้บริการเครื่อง Audio Guide

 ภายในมีป้ายเตือนห้ามถ่ายรูปโดยใช้แฟลช

พิพิธภัณฑ์ลูฟ มีงานศิลปะกว่า 220,000 ชิ้น จัดแสดงในห้องมากกว่า2,000ห้อง โดยมีภาพเขียน6,000ภาพ จัดแสดงใน225ห้อง งานแกะสลัก ประติมากรรม มีประมาณ2,250ชิ้น แบ่งเป็น6พาวิลเลี่ยน บางคนว่าต้องใช้เวลากว่า อาทิตย์เพื่อจะเดินชมผลงานทุกชิ้นภายในพิพิธภัณฑ์  ด้านในจะแบ่งออกเป็น 3 ปีก ซึ่งจะมีชื่อเรียก คือ Denon , Sully และ Richelieu ในแต่ละปีกก็จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ชั้น คือ Lower Ground Floor ชั้นล่างสุดที่เราเข้ามา ถัดมา Ground Floor จุดที่สำคัญก็คงจะเป็นด้านปีก Sully ที่จะมีรูปปั้นเทพีวีนัส ส่วนชั้นที่ 1 (1st Floor) ก็มีภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกภาพหนึ่งก็คือ Mona Lisa นั่นเอง อยู่ทางด้านปีก Denon และที่บันไดทางขึ้นก็จะมี The Winged Victory of Samothrace  ชั้นสุดท้าย (2nd Floor) ซึ่งจะเน้นไปทางแสดงภาพวาดของประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น French Painting , German Painting หรือ Holland Painting

จุดที่น่าสนใจภายในพิพิธภัณฑ์ มีหลายจุดด้วยกัน แต่ที่ใครมาแล้วพลาดไม่ได้มี 3 จุดหลักๆ คือ

1. เทพธิดาแห่งชัยชนะ The Winged Victory of Samothrace หรือ เรียกกันว่า เทพ Nike

2. สาว 2000 ปีรูปปั้นวีนัส เดอ ลา มิลโล   เป็นรูปปั้นโบราณอายุกว่า2200ปี ขึ้นชื่อว่าเป็นรูปปั้นหญิงที่สวยที่สุดในโลก

3. รอยยิ้มโนนาลิซ่า   เขาว่ากันว่าวิธีลงสีของดาวินชี ทำให้โมนาลิซาเหมือนจะมองจ้องเราอยู่ตลอดเวลา จริงหรือไม่ลองดูเอาเอง

 ผลงานศิลปะอื่นๆในพิพิธภัณฑ์

สองหนุ่มกำลังเล่น BB “ตัวเองมาแลกพินกัน….”   

เอ๋ เค้ามองอะไรน๊า

สวัสดีค่ะคุณ....

งานศิลปกรรมอื่นๆภายใน พิพิธภัณฑ์ ลูฟ

 

งานศิลปกรรมอื่นๆภายใน พิพิธภัณฑ์ ลูฟ 

จากข้างในมองออกมานอกหน้าต่าง จะเห็นกับลานขนาดกว้าง พร้อมกับปิรามิดที่ทำจากกระจกแก้วขนาดใหญ่   ปีรามิดแก้วสร้างขึ้นในสมัยประธานาธิบดีมิตเตอรองโดยสถาปนิกชาวอเมริกันสัญชาติจีนชื่อว่า Eeoh Ming Pei(I. M. Pei) ซึ่งใช้กระจก612แผ่น และมีจุดเชื่อมกันถึง150,000จุดโดยใช้เวลาก่อสร้าง14ปี ด้วยงบประมาณ 12,000ล้านบาท ในภาพจะเห็นคิวคนรอเข้าพิพิธภัณฑ์  ดังนั้นถ้าไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้นก็ควรจะมาแต่เช้า

ลานพิรามิด 

เราจะใช้เวลาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือแล้วแต่ใครชอบ ก็สามารถอยู่ได้ทั้งวัน เพราะพิพิธภัณฑ์ลูฟใหญ่มาก หากใช้เวลาเดินให้ทั่วจริงๆ คงไม่น้อยกว่า 2-3 วัน  (แต่แค่นี้ก็ทำเอาขาลาก แล้ว )ไม่ได้ๆต้องเก็บแรงไว้ไปเดินตอนบ่ายอีก

 ลานหน้า ลูฟ

 สวนบริเวณด้านหน้าลูฟ

ร้านขาย Hot dog ข้างถนนเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ 

ในช่วงบ่ายหลังจากเราพักทานอาหารกลางวันกันแล้ว เดินมายังด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์จะเป็นสวนขนาดยาว มีลานให้นั่งเล่นถ่ายรูปกันสวยๆ เดินตรงไปเรื่อยๆผ่านประตูทางออกของพิพิธภัณฑ์ลูฟ ก็จะพบกับจตุรัสคองคอร์ท  อย่างที่บอกว่าเคยเป็นลานประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวเนต จุดสังเกตที่นี่คือเสาหินขนาดใหญ่ใจกลางจตุรัส   

ถนนที่อยู่ตรงหน้านี่เองจะเป็นถนน Champ Elysees ซึ่งตรงไปยังประตูชัย Arc de Triomph จากจุดนี้เองแนะนำให้ขึ้นรถไฟจากสถานี Concorde ไปลงสถานี Charles de Gaulle-Etoile แล้วค่อยเดินย้อนกลับมา บนถนน ชองเซลิเซ่ เพราะหากเดินจากจตุรัสคองคอร์ทไป เกรงว่าเดี๋ยวจะหมดแรงกันเสียก่อน ดังนั้นขึ้นรถไฟ สายM1 สีเหลือง ไปลงสถานี Charles de Gaulle – Etoile

เส้นทางไปประตูชัย Arc de Triomph

 โผล่จากสถานีก็จะเจอกับ ประตูชัยตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางจตุรัสเลย หากต้องการขึ้นไปชมวิวด้านบน จะเสียค่าบริการต่างหาก สำหรับสาวๆ ถนนแห่งนี้ถือเป็นย่านช๊อปปิ้งชื่อดังของโลก หากใครอยากจะซื้อของก็ให้ดูเรื่องขนาดหรือน้ำหนักของสัมภาระด้วย เพราะเราจะต้องแบกกันไปอีก 10 กว่าวัน  อันนี้ก็เป็นจุดวัดใจเหมือนกันสำหรับใครหลายๆคน หากใจไม่แข็งพอทนไม่ได้กระเป๋าตังค์อาจจะแบนกันได้ตั้งแต่วันแรก (สำหรับคู่หนุ่มสาว คุณผู้ชายฟังแล้วอาจจะเริ่มเสียวๆได้ )

ประตูชัย Arc de Triomph

ถนน ชองเซลิเซ่ 

เมื่อยามพลบค่ำ หากยังไม่เหนื่อย ก็อยากให้รอ ถ่ายรูป กลางคืนที่บริเวณประตูชัยกันซักนิดนึง  เพราะถือเป็นสถานที่ Hilightเช่นเดียวกัน จุดที่คนนิยมไปถ่ายรูปก็คือบริเวณเกาะกลางถนนด้านหน้าประตูชัย ซึ่งกว้างถึง 6 เลน ใครที่อยากได้บรรยากาศชิวๆ ก็สามารถหาร้านอาหารนั่งทานเพื่อชมวิว ประตูชัยในยามค่ำคืนได้อีกด้วย เวลากลับก็สามารถขึ้นได้จากสถานีเดิม หรือจะขึ้นจาก สถานี  George V ซึ่งอยู่ใกล้กับ ชองป์เอลิเซ่ (Champs-Elysees-Clemenceau) โดยขึ้น สายM1สีเหลือง ไปลงที่ Musee du Louve แล้ว เปลี่ยนไปขึ้นสาย M7 สีชมพู กลับมาลงที่สถานี Poissonneiere   เพื่อกลับเข้าสู่ที่พัก วันนี้อาจจะมีปวดขากันหละเพราะเดินกันทั้งวัน ใครปวดใครเมื่อยก็ใช้ยานวดเท้า วันแรกๆอาจจะยังไม่ชินกับการเดินนานๆ แต่เดี่ยวซักพักจะเริ่มปรับตัวได้

“  กาก้า        ไปๆ เดี๋ยวเราเดินลูฟเสร็จไปต่อกันที่ นู่น ที่ นี่ กันดีกว่า

    น้องก้อย  ไม่เอาๆๆ เมื่อยแล้วอ่ะ

    กาก้า         (อ้าวแล้วใส่ ส้นสูงมาทำไมหงะ อันนี้คิดในใจ) ^_^’’ อะจ๊ะ ๆๆๆ งั้นกลับห้องพักก่อนเนอะ

     

ระหว่างทาง เดินผ่าน ย่าน Shopping และร้านเครื่องสำอางค์

    น้องก้อย     ที่รักๆ เดี๋ยวแวะร้าน นี้ก่อนนะ

    กาก้า              ......... อะ จ๊ะ ^_^’’                    ”