วันที่ 7 Lucern (Pilatus )
วันนี้ เป็นวันแรกที่เราจะ Activate ตั๋ว Swiss Pass ดังนั้นวันนี้คงไม่ต้องเดินให้เมื่อยตุ้มกันอีกแล้ว สามารถนั่งได้ทั้งรถไฟ รถเมล์ เรือ ไม่จำกัด ในตอนเช้า ก็ไป Activate ตั๋วกันก่อนที่สถานีรถไฟ ที่สถานีก็จะมี Coop และ Migros ให้เราซื้อเสบียงสำหรับตอนเที่ยง ที่เราจะไปกินกันบนยอดเขา พิลาทุส
Note แนะนำให้เดินไปขอตารางการเดินเรือ เพื่อเช็คเวลาขึ้นเรือที่เราจะนั่งกลับมาหลังจากลงยอดเขาพิลาทุส ท่าเรือจะอยู่ด้านหน้าของสถานีรถไฟ Luzern ภาพยอดเขาพิลาทุส ในวันฟ้าโปร่ง
ภาพวาดของพิลาทุส ถ่ายจากโรงแรม
แผนที่ไปพิลาทุส
เส้นทางเดินทางไปยังพิลาทุส สามารถไปได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถไฟ หรือเรือ แต่เส้นทางการขึ้นยอดเขาพิลาทุสนั้นสามารถขึ้นได้สองทางคือ กระเช้า และรถไฟ โดยเส้นทางรถไฟนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟที่สวยและชันที่สุดในโลก เพราะมีความชัน ถึง 48องศา (แต่รถไฟจะปิดให้บริการในช่วงฤดูหนาว เช็คตารางก่อนเดินทางว่าเปิดหรือไม่) แนะนำให้ขึ้นด้วยกระเช้าและลงด้วยรถไฟ หรือจะขึ้นด้วยรถไฟแล้วลงด้วยกระเช้า ก็ได้จะได้อรรถรสการเดินทางต่างกัน แต่การจะขึ้นรถไฟนั้นจะต้อง นั่งรถไฟหรือเรือจากตัวเมือง Luzern ไปลงยังสถานีหรือท่าเรือ Alpnachstad เสียก่อน ซึ่งจะใช้เวลานาน กับอีกวิธีคือนั่งรถเมล์ ที่ด้านหน้าสถานี รถไฟ Luzern สาย 1 ไป Kriens โดยลงที่ป้าย Linde/Pilatus ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที จากนั้นต้องเดินอีกประมาณ 5 นาทีเพื่อไปขึ้นกระเช้า เส้นทางนี้จะถึงพิลาทุสเร็วกว่า
สังเกตุป้าย Pilatus ดีๆไม่มีหลง
ถึงแล้ว สถานีกระเช้ารถไฟ
ติดต่อซื้อตั๋วขึ้นพิลาทุส กับเจ้าหน้าที่ก็อย่าลืมโชว์ Swiss Pass เพราะจะได้ส่วนลดอีกกว่า 50% เหลือ 32 CHF
สถานีกระเช้า Pilatus
ตั๋ว Pilatus
กระเช้า แรกที่ขึ้นเป็นกระเช้าเล็กนั่งได้ 4 คน จะถูกดึงขึ้นไปยังสถานีพัก ด้านบน โดยข้างบนจะมีสวน หรือ ลานกิจกรรมให้กับคนที่ชอบสามารถลงจอดและแวะ ได้กระเช้าเล็ก
มองย้อนกลับลงมาเพื่อชมเมือง Luzern จากบนกระเช้าสูง บ้านเหลือหลังเล็กนิดเดียวในช่วงที่เป็นฤดูใบไม้ผลิ จนถึงฤดูร้อน (ช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง ตุลาคม ) จะมีลานกิจกรรมด้านบน ซึ่งมีเครื่องเล่นต่างๆมากมายอาทิ SeilPark ที่เป็นการโหนสลิงลงจากยอดเขา หรือ Frakigaudi ซึ่งเป็นการนั่งสไลเดอร์ลงมาจากยอดเขาสูงตามท่อที่มีความยาวกว่า 1.3 กิโลเมตร สามารถเช็คตารางเวลา และราคาได้ จากเว็บไซต์ (http://www.pilatus.ch/content-n136-sE.html)
เมื่อขึ้นมาถึงจุดเปลี่ยนกระเช้า ซึ่งถัดไปจะเป็นกระเช้ายืน จุทีได้หลายคน เพื่อขึ้นไปยังยอดเขา พิลาทุส บรรยากาศระหว่างขึ้น จะเหมือนขึ้นไปยังสวรรค์เลยทีเดียว เพราะกระเช้าพุ่งผ่านก้อนเมฆ ไปทีละชั้นๆ และเห็นแสงอาทิตย์ส่องย้อนแสงลงมา
กระเช้าใหญ่
พุ่งทะยานขึ้นสู่ยอดเขา พิลาทุส
สัญลักษณ์ต้อนรับที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา มีข้อความต้อนรับหลายภาษา แต่ยังไม่มีภาษาไทย
ป้ายต้อนรับหลากภาษา
ในฤดูหนาว หมอกลงจัดมาก ด้านบนของยอดเขาก็ยังอากาศติดลบอยู่ และสถานีรถไฟก็จะปิด ด้านบนจะมีเปลให้นอน พร้อมผ้าห่ม บริการ สำหรับใครที่ต้องการนั่งเล่น เอาบรรยากาศ แบบ 0 องศา ทางเดินซึ่งพื้นยังเป็นน้ำแข็งอยู่จะต้องระวัง
ส่วนในหน้าร้อนก็สามารถเดินต่อขึ้นไปชมยอดเขาจากมุมสูง รวมถึงมีร้านอาหารกลางแจ้งไว้บริการอีกด้วย
บรรยากาศพิลาทุส ในช่วงฤดูร้อน
เมื่อชมบรรยากาศเสร็จกันจนอิ่มหนำเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับรับประทานข้าวเที่ยง ก็เตรียมตัวไปขึ้นรถไฟที่ชันที่สุดในโลก เพื่อลงมายังด้านล่าง ให้เช็คตารางการเดินเรือให้เรียบร้อยจากตารางที่ขอมาเมื่อเช้า โดยประเมินเวลาสำหรับการนั่งรถไฟอีกประมาณ 1 ชั่วโมง (นั่งจริงประมาณ 40 นาที ) เพื่อจะได้ขึ้นเรือ กลับไปยัง Luzern ได้ทัน
สถานีรถไฟขึ้นเขาของ Pilatus
เมื่อมาถึงท่าเรือด้านล่างแล้ว จะใช้เวลาถึง 90 นาที ในการเดินทาง จะนั่งชมบรรยากาศภายในเรือ หรือจะเข้าไปนั่งรับจิบกาแฟ ในเรือก็ได้ เพื่อชมวิวสองข้างทาง พร้อมกับเป็นการพักเท้า ไปในตัวด้วย เพื่อเตรียมแรงไว้สำหรับการปีนยอดเขา จุงเฟราในวันพรุ่งนี้ เป็นอันจบทริปอีกหนึ่งวันและเป็นวันสุดท้ายในเมืองที่มีความโรแมนติคที่สุดแห่งหนึ่งในทริปนี้
บ๊ายบาย พิลาทุส
เพิ่มเติม
ที่ Luzern ยังมีจุดท่องเที่ยวดังๆอีก อาทิ การไปเยือนยอดเช้า Titlis เพื่อนั่งกระเช้า Rotair หมุน 360 องศา กิจกรรมอื่นๆเช่น Ice Flyer (ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.titlis.ch/)
very beautiful and I hope I'll get there soon
ตอบลบ