วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ลัลล้า @ มาเล๊ มาเล มาเลเซีย วันที่ 1



มาเลเซียประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา ที่เดินทางไปได้แสนสะด๊วก สะดวกทั้งทางรถ เครื่องบิน เรือ นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นิยม(ของถูก)อย่างเรา ก็หนีไม่พ้นหวังพึ่งโปรโมชั่นถูกๆจากสายการบิน Low Cost Air Asia เพราะถ้าขึ้นเรือ หรือขับรถจาก กทมฯ คงต้องลากันอีกหลายวันเลยทีเดียว ประเทศมาเลเซียยังถือเป็นประเทศของบริษัทแม่ สายการบิน Air Asia อีกด้วย

มาเลเซียในมุมสาระนิดนึง 



มาเลเซียตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย
มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 130,000 ตารางไมล์ ติดชายแดนทางใต้ของประเทศไทย
ลักษณะภูมิอากาศ
เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร อากาศจึงคล้ายๆกับภาคใต้ของประเทศไทยคือร้อนชื้นตลอดทั้งปีช่วงเวลากลางคืน อุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ประมาณ 20 องศาเซลเซียส ขณะที่ช่วงอุณหภูมิที่สูงสุดอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส
เมืองหลวงชื่อ กรุงกัวลาลัมเปอร์
เชื้อชาติ พลเมืองส่วนใหญ่มีเชื้อชาติมลายู (58%) นอกนั้นเป็นชาวจีน (26%) ชาวอินเดีย(7%) ชาวเขาเผ่าต่างๆ (9%) เลือดผสมมลายูกับโปรตุเกส มลายูกับฮอลันดา มลายูกับอังกฤษ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าไปมาเล จะเห็นคนหลากหน้าหลายตาเดินเต็มเมืองไปหมด ^^
ศาสนา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม(58%) พุทธ (30%) ฮินดู (8%) คริสต์เตียน เต๋า
ภาษา   ที่ใช้ ภาษามาเลย์ (ภาษาราชการ) อังกฤษ จีนต่างๆ
เขตเวลา GMT / UTC+8  ( ก็บวกเวลาจากบ้านเราไปอีก 1 ชม. )

เงินสกุล
มาเลเซีย ใช้เงินสกุล ริงกิต ชื่ออักษรย่อว่า RM (MYR) อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันอยุ่ที่ประมาณ 10บาท
ค่อ 1 ริงกิต


เริ่มเที่ยวได้

เที่ยวรอบนี้เป็นทริปที่เราไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเลย แต่เผอิญมีพี่(นำทีมโดยพี่ตั้ม พี่มิงค์ พี่โอ และน้องเบิร์ด) ชวนไป ไอ้เราสองคนก็ประเภทแบบถ้าว่าง ตังค์พร้อม ก็ไปไหนไปกัน แต่ดันไม่ได้ตั๋วเครื่องบินรอบเดียวกันทำให้เราต้องแยกกันเดินทางเป็น 2 กลุ่ม คือทีมพี่ๆเค้าได้บิน Flight บ่ายไปถึงเย็นๆค่ำๆ ส่วนเราสองคน ได้ตั๋ว Flight เช้าไปถึงเที่ยงๆ ทำให้มีเวลาครึ่งวันที่จะไปเที่ยวก่อน โดยมีแผนการเดินทางตามนี้

(เพิ่มเติม : ตารางสรุปค่าใช้จ่าย ทั้งหมดจะอยู่ใน review วันสุดท้ายนะครับ ตามลิงค์นี้ หากต้องการเช็ค
ล่วงหน้า http://travelhunsa.blogspot.com/2011/05/blog-post_16.html )

 
 นายกาก้า & น้องก้อย   ออกจาก Suvarnnabhumi 9 โมงเช้า และถึงที่สนามบิน  LCCT ตอนเที่ยงครึ่ง 
** สนามบิน LCCT เป็นสนามบินสำหรับสายการบิน Low Cost อย่างหางแดง  ส่วนสนามบินนานาชาติจะชื่อ สนามบิน KLIA (สำหรับคนมีระดับอ่ะ 555)
จาก LCCT เราไปเที่ยวเมือง Putrajaya ก่อน การเดินทางทำโดยซื้อตั๋วพิเศษ KLIA Express ได้ที่ท่ารถ Shutter Bus ภายในสนามบิน สังเกตุง่ายๆ พอเราผ่านด่าน ตม. รับกระเป๋าเรียบร้อย เดินออกมาหาร้าน Coffee Bean ท่ารถจะอยู่ด้านหน้า สีม่วงๆ เนื่องจากสนามบิน LCCT ไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน ดังนั้นจึงต้องนั่ง Shutter Bus (ซึ่งรวมในค่าโดยสารแล้ว) ไปลงสถานีรถไฟ  Salak Tinggi  เพื่อไปต่อรถไฟไปลงสถานี Putrajaya ค่าโดยสาร ตกแล้วคนละ 50 กว่าบาทเท่านั้นเอง ^^ ถูกไม๊หละ



เมือง ปุตราจายา (Putrajaya ) เมืองราชการแห่งใหม่ของมาเลเซีย สร้างโดยมีแนวคิดของคำว่า " Gaden City " และ " Inteligent City " ที่หมายถึงเมืองที่เป็นสวน และเมืองแห่งความฉลาด เมือง Putrajaya ประกบอไปด้วย ศูนย์อาคารทางราชการ อาคารรัฐสภา ที่อยู่อาศัยของ ข้าราชการเจ้าหน้าที่ มีมัสยิดเพื่อประกอบกิจกรรมทางศาสนาใหญ่ที่สุดของประเทศ  มีสถานพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติมากมาย รวมไปถึงเป็นศูนย์กลางด้านไอทีหรือระบบสารสนเทศที่ทันสมัย ซึ่งได้กำหนดให้เป็น Cyberjaya

พอออกจากสถานี Putrajaya จะมีท่ารถ Bus ( สถานี Nadi Putra) หลายสายที่วิ่งกระจายตามเส้นต่างๆ รอบเมือง Putrajaya  สำหรับนักท่องเที่ยว มีวิธีการเดินทางได้สองแบบ คือ


1. เหมาแท๊กซี่ พาเที่ยวทั่วเมือง หรือวิธีที่
2. คือนั่งรถเมล์  สำหรับเราสองคนเลือกที่จะนั่งรถเมล์ เพราะค่าโดยสาร ตอนที่ไปตกอยู่ที่  1 เหรียญ หรือ 10 บาทเท่านั้นเอง สามารถนั่งได้รอบเมืองเลยทีเดียว   ส่วนใครที่เลือก Taxi (แท๊กซี่บางคนพูดไทยได้ ซะด้วยซ้ำ )  ก็ขึ้นอยุ่กับใครเจรจาเก่ง ไม่เก่ง เฉลี่ยแล้วตกประมาณ 4-5 ร้อยบาท โดยคนขับจะพาไป Drop ตามจุดสำคัญๆต่างๆให้เราลงไปถ่ายรูป  (จะว่าไปถ้าไป 4 คน หารแล้วก็คุ้มนะ เพราะจุดสำคัญๆ จะห้ามรถเมล์วิ่งเข้าไป ต้องเดินสถานเดียว แต่ถ้า Taxi เค้าวิ่งพาไป Drop ด้านหน้าได้เลย )

ที่Putrajaya เค้าจะแบ่งเมืองเป็นโซนๆครับ มีทั้งหมดมากกว่า 20 โซน ครับ เค้าจะเรียกว่า Presint ครับ ที่สำคัญๆที่คนไปเที่ยวกันคือ Presint 1 2 3 4  ครับ ให้เราขึ้นรถเมล์สาย 400ไปลงที่ Presint 1 ครับ โดยรถสายนี้จะวิ่งรอบเมืองไปด้านนอกก่อน ยังไม่ต้องงง อาจจะเอารูปให้คนขับดูก่อนว่าเราจะไปลงที่ Prime Minister Office รถจะจอดให้เราที่ถนน Barat หลัง Prime Minister Office  แล้วต้องเดินจากสวน ลงมาตามถนน



รูปข้างบน ที่ทำงานนายกจ๊า ตอนไปเค้ากำลังปรับปรุงสวนบริเวณวงเวียน เลยดูรกไปหน่อยเนอะ ^^


มาถึงตอนนี้ ก็บ่ายแก่ๆ แล้ว เริ่มหิว เพราะว่า ยังไม่ได้กินอะไรเลย ตั้งแต่ลงเครื่องมา เราพยายามหาที่ทานข้าวเที่ยง แต่หาไม่เจอเล้ยยย ดูแผนที่ก็แล้ว ถามเจ้าหน้าที่ Taxi  ก็ชี้ไปที่ Putra Mosque (Musjid Putra)   ที่แท้ Food Court ก็อยู่ตรงวงเวียนนั่นแหละ ทางลงเลย มัสยิดมาหน่อยเดียว เดินลงบันไดเลื่อนไป อะโฮ สวรรค์  กลิ่นอาหารลอยมาแล้ว ขอกินเติมพลังกันก่อนดีกว่า 5555




เจอร้าน Chicken Rice แปลตรงๆ ข้าวมันไก่ คนขายพูดไทยได้อี๊ก เลยช่วยอุดหนุน ก็ไม่ผิดหวัง อร่อย ปน อารามหิว เสร็จปั๊บย้ายร้านมานั่งต่อ ที่ Secret Recipe ที่มาเล ร้านนี้เยอะมาก ไปไหนก็เจอ
ค่าข้าวมันไก่ รวม soft drink 1 แก้ว แค่ 70 บาท เอง ถูกกว่า โลตัสอีกวุ้ย
ส่วนค่าขนมเค้ก ชิ้นละ 65 บาท แถมชาหรือกาแฟแก้วนึง ถูกแสนถูกอ่ะ บ้านเรา ขายก้อนละ 120
คนแทบไม่กินกัน อิๆๆ



บริเวณด้านหน้า Food Court เป็นจุดชมวิวทะเลสาบ Putrajaya และมีท่าเรือ ให้นั่งชม ทะเลสาบกันได้
(ปล.  ดูรูปเอาไว้ว่า สะพานมันยาว แค่ไหน นั่นแหละ เดี๋ยวเราเดินตั้งแต่ ปลายข้างนึงมาถึงอีกข้างนึงเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับไปขึ้นรถไฟ คิดแล้วเหนื่อยวุ้ยยย ^^'' )


เดินกลับขึ้นมาชม Musjit Putra ซึ่งเด่นสง่าอยุ่ริมทะเลสาบ ด้วยโดมสีชมพู บริเวณแหลมของอ่าว Putra


สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ หากนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ จะเข้า ก็จะได้เฉพาะรอบนอก ถ้าไม่ได้นับถืออิสลาม จะเข้าตัวอาคารภายในไม่ได้ ส่วนผู้ ญ ถ้าจะเข้าต้องสวม ชุด คลุมอย่างที่เห็น กลายเป็น อีว๊อก ไปเลย ฮิๆๆ น้องก้อย เลยบ่นเพราะถ่ายรูปไม่จ๋วยยย 5555 ><


หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็เดินกลับไปขึ้นรถเมล์ บริเวณวงเวียนจะมี Information ให้สอบถาม เราก็เลยเข้าไปถามว่า ป้ายรถเมล์ตรงไหนใกล้สุด เค้าก็ชี้ว่ามีสองป้าย ป้ายนึง เดินไปอีกแยกของวงเวียน ส่วนอีกป้าย ต้องเดินข้ามสะพานไป ระยะทางพอๆกัน เราว่า เราเดินข้ามสะพานดีกว่า เพราะอยากถ่ายรูปมุมกว้างของมัสยิด และตัวเมืองด้านหน้าดูท่าจะสวยกว่า 



เมื่อทำใจเรียบร้อย ก็เอ้าเดินก็เดินพวกเราลุยยย แดดที่นี่ก็ส่องกันจัง ร้อนจนต้องคอยวิ่งหลบตามเงาของต้นไม้ทีละต้นๆ


ระหว่างทางที่เดินไปป้ายรถเมล์  บนสะพานที่น่าจะทอดยาวประมาณ ครึ่งกิโล  ปาดเหงื่อกันหลายรอบ
เห็นถนนโล่งๆ ก็สั่งนางแบบไปโดดหน่อย ซิ  แช๊ะ ได้รูปอย่างที่ตั้งใจ ^^

มิสยิด Putra ถ่ายจากบนสะพาน ไป เห็นโดมสีชมพู พร้อมเสาสุงเด่นเป็นสง่า จุด Hilight ของที่นี่ก็ว่าได้อ่ะ มาแล้วต้องไปถ่ายรูป แชะๆๆๆ แมงกะไซค์ของใครไม่รู้จอดอยู่ แหม อยากจะยืม ขับไปจังเลย ขี้เกียจเดินเพราะมันร้อนนนนนน !!


บริเวณป้ายรถเมล์ หน้ากระทรวง อะไรซักอย่าง เมืองเงียบมากๆ มีรถวิ่งไม่กี่คัน คนก็ไม่เห็นเดิน ไม่รู้ไปไหนกันหมด ทั้งที่เป็นวันทำงาน ???

ถึงป้ายรถเมล์ซะที รอรถเมล์ซักแป๊บก็มาแล้วกลับไปลงที่ Nadi Putra เพื่อขึ้นรถไฟ KLIA ไปยัง KL Sentral
ที่ KL Sentral จะเป็นศูนย์กลางการเดินทางในกัวลาลัมเปอร์เกือบทั้งหมดทั้งรถไฟฟ้า LRT, KTM Komuter,รถไฟฟ้า KLIA Express (ไปสนามบิน) และรถBus ไปยังสถานที่ต่างๆ จะมารวมกันอยู่ที่ KL Sentral ส่วน Monorail จะอยู่นอก KL Sentral เล็กน้อย เดินไปได้ประมาณ 5 นาที สถานีที่นี่ โดดเด่นด้วยหลังคาทรงโดม แบบที่ใครๆไปก็ต้องแหงนมอง จากนั้นเราต้องไปต่อรถMonorail  ซึ่งต้องเดินออกมาด้านนอก สังเกตุป้าย Monorail 

ข้อมูลเส้นทางรถไฟ ราคาตั๋ว สามารถเข้าไปเช็คได้จากเว็บ http://www.myrapid.com.my/home
  

จากรูป เราสามารถใส่เส้นทาง ว่าจะเดินทางจากไหน ไปไหน แล้วระบบจะคำนวณราคา พร้อมบอกเส้นทางให้ด้วย ง่ายไม๊หละ ^^

****   ถ้าใครจะไปเกนติ้ง (Genting Highland) ในวันรุ่งขึ้น แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าของวันรุ่งขึ้นไว้เลย  ให้สอบถามเจ้าหน้าเพื่อหาบูทขายตั๋วรถไปเกนตึ้ง ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ชั้น G แต่อยู่ในหลืบเลยอ่ะ  *****

จากภาพจะเห็นว่าขึ้น Monorail สายสีเขียวไปลงที่  Bukit Bintang เพื่อไปเช็คอิน โรงแรมที่เราได้จองไว้ และรอกลุ่มพี่ๆตั้ม มา ประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง

โรงแรมที่จะพักวันนี้ โรงแรม Apple Hotel  เหมือนเดิมจองผ่าน booking.com ไม่มีปัญหาแถมได้ราคาถูกด้วย ตกแล้ว 1030 บาทต่อห้อง (double bed) โรงแรมค่อนข้างใหม่ และสะอาดแต่อยู่ในย่านถนนของกินแบบ China Town เลย หน้าโรงแรมอาจจะสกปรกเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าสะดวกในการเดินทางไม่น้อย และเหมาะกับการ Shopping อีกด้วย





กลุ่มพี่ตั้ม พี่มิ้ง :  ออกจาก Suvarnnabhumi บ่ายโมง และถึงที่ Kuala Lumpur LCCT(KUL) เกือบ 5 โมงเย็น เดินตามทางออกมาเรื่อยๆ เจอเค้าท์เตอร์ขายตั๋วรถไป KL Sentral หลักๆ จะมีรถ 2 เจ้าที่ให้ บริการ LCCT <—> KL Sentral
1. Sky Bus เป็นรถของ Air asia ราคา RM 9
2. Aero Bus ราคา RM 8
ประมาณ 1 ชั่วโมงก็มา ถึง KL Sentral ครับ รถจะจอดที่ ชั้น G ของ KL Sentral 
เจอพวกเราสองคนที่ Apple Hotel 

เมื่อเช็คอิน เรียบร้อย ออกไปหาข้าวเย็น ทานกันที่ห้างใกล้ๆกันอ่ะ เพราะทุกคนก็หิวกันหมดแล้ว






 หลังจากอิ่มท้องกันแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก็ไปถ่ายรูปตึกแฝดเปโตรนาส กันเลยดีกว่า นั่ง Monorail ไปเปลี่ยนขบวนที่ Bukit Namas แล้วต่อรถไฟ สายสีแดง (LRT)  เพื่อไปลงสถานี  KLCC

อ้อ ใกล้ๆ เรายังมองเห็น KL Tower อีกด้วย แต่ไม่ได้ไปเพราะเดินแค่นี้ก็ขาลาก แล้ว ลากสังขาล ไปด้วยนี่มันเหนื่อยจริงๆ เฮอะๆๆ


 ที่สถานี KLCC นี้มีห้าง Suria (ซูเรีย) เป็นห้างขนาดใหญ่ของมาเลเซีย มีของแบรนด์เนมขายยอะมากครับ น่าจะถูกใจขาช๊อป คล้ายๆ กับสยามพารากอนบ้านเราเลยครับ  ส่วนจุดหมายเราตอนนี้อยู่ที่ตึกแฝดเปโตรนาสมากกว่า ซึ่งอยู่ข้างๆ กับห้าง Suria เลย  ถ่ายรูป Twin Tower ตอนกลางคืน  เสร็จแล้วกลับมาเดินต่อแถวแหล่ง Shopping ใกล้ที่พัก  เป็นอันจบวันแรก



  ตึกแฝดเปโตรนาส (Petronas Twin Towers) มีความสูงถึง 451.9 เมตร และมีจำนวนชั้นมาก ถึง 88 ชั้น (เลขสวยซะด้วย) ที่สะพานเชื่อม (Skybridge)ระหว่าง 2 ตึกจะอยู่ที่ชั้นที่ 41แต่ก่อนเปิดให้เข้าชมที่สะพานเชื่อม
ระหว่าง 2 ตึกได้ฟรี ตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม ผู้เข้าชมจะต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ RM 3 (BasicSkybridge ) หรือจ่าย RM 350(Premium package)จะได้ไปชมที่ชั้นสูงสุง และได้ไปทานข้าวใน Malaysian Petroleum Club (MPC) ในอาคาร 2อดีตตึกนี้เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกแต่ตอนนี้เจอแย่งชิงอันดับไปอยู่ที่ 3-4 แล้วครับ เป็นรอง จากอาคารเซี่ยงไฮ้เวิลด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์เมืองเซี่ยงไฮ้ และอาคารไทเป101 ประเทศไต้หวัน





 ถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็เข้าไปเดินเล่นในห้าง Suria เป็นห้างที่ค่อนข้างใหญ่ ในนี้มี Food cort ด้วยครับ


หมดแรงแล้ว เพราะวันนี้ไปลุย Putrajaya มา ก็เลยขอกลับห้องดีกว่า พักผ่อน ให้พร้อมจะได้มีแรงเที่ยวต่อพรุ่งนี้ ^^








2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ9 กรกฎาคม 2554 เวลา 15:54

    ขอบคุณมากครับ สำหรับรีวิว ผมลอกมาซะเกือบหมดเลย...
    http://jimrim.multiply.com/photos/album/142/_Malaysia_Trip_

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ19 มกราคม 2556 เวลา 16:19

    ชอบรีวิวมากค่ะ มีประโยชน์มาก

    ตอบลบ