วันที่ 2 มาเก๊า ทัวร์ จัดเต็ม
แผนเที่ยววันนี้ ที่จัดเอาไว้ล่วงหน้า มีเยอะมาก ทั้งไปวัด อาม่า ไปไหว้รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม รวมถึง ไปหมู่บ้านวัฒนธรรมและไปดูรูปปั้น อาม่า แต่ปรากฏว่า ฝนดันตกซะนี่ ผิดแผน หมดเลย เราสองคนเลยคุยกันว่า ถ้างั้น ก็เที่ยวในตัวเมืองก็พอ เพราะงั้น ถ้าหากใครได้มาเที่ยว ก็ลองวางทริปเพิ่มสำหรับที่เที่ยวที่ผมไม่ได้ไปนะครับ
เอาหละ ตื่นมาตอนเช้า ก็ต้องหาอะไรทาน ให้ได้อรรถรสของมาเก๊า ซะหน่อย
บรรยากาศยามเช้า เราเดินออกมาหาอะไรทานที่ Senedo Square อีกแล้ว เพราะมีร้านนึงที่ได้เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน และอยู่ในร้านแนะนำจากหนังสือ
ผ่านตรอกซอกซอย ก็เห็นแต่คนเดินกันเป็นคู่ๆ
จากแผนที่ Senedo Square อยู่ที่จุด A ร้าน Wong Chi Kei ที่เมื่อวานเราไปกินมาอยู่ที่จุด B และ ร้าน ที่เราจะไปทานเช้าวันนี้ อยู่ที่จุด C
ร้านเด็ดนี้มีPork Chop Bun ที่ถูกปากเรามากๆ ส่วนบะหมี่ มันเหมือน มาม่าไง ไม่รู้ ขนมหวานที่เค้าแนะนำ กินไม่หมดด้วย เพราะไม่หร่อยเลยอ่ะ 5555
เอาหละ หลังจากกระเพาะเราอิ่มแปล้ แล้ว ก็พร้อมเดินทาง เรากลับมาเดินเที่ยว Sendo ตอนกลางวัน ฝนก็ยังปรอยๆ ตลอด อ่ะ แต่เหมือนคนที่นี่จะชิน บางคนทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น เดินกันเฉยๆ
ย่านการค้าเซนาโด้สแควร์ โดดเด่นด้วยพื้นถนนที่ปูลาดด้วยกระเบื้อง เป็นลอนคลื่น เปรียบเสมือนท้องทะเลอันอุดมสมบูรณ์ ล้อมรอบไปด้วยอาคารสไตล์ยุโรปหลากสีสัน ที่นี่จัดว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่รวมไว้ซึ่งร้านค้าต่างๆ มากมาย ทั้งแฟชั่น แบรนด์เนม ร้านแผงลอย เฟอร์นิเจอร์โบราณ อัญมณี เครื่องประดับ ของที่ระลึก ฯลฯ เรียกว่าจะหาซื้ออะไรในมาเก๊า มาที่นี่ที่เดียวก็ได้ครบ
เดินเข้ามาใน Senedo Square ได้นิดเดียวก็จะเห็น โบสถ์ St.Dominic เข้าไปชมด้านในกันหน่อย
St. Dominic’s Church หรือ โบสถ์ เซนต์ดอมินิค เป็นโบสถ์ที่ได้ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ A Abelha da China เป็นภาษาโปรตุเกสแห่งแรกในจีน ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ.1822 ส่วนหอระฆังด้านหลังอาคารได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กแสดงงานศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนามากถึง 300 ชิ้น เปิดให้เข้าชม 10.00-18.00 น. โดยบาทหลวงในนิกายโดมินิกันชาวสเปน 3 รูปที่มาจากอะคาปุลโกในเม็กซิโกโบสถ์แห่งนี้ความสัมพันธ์กับคณะสงฆ์พระแม่มารี (Brotherhood of Our Lady of Rosary)
ในปี 1929 ทางโบสถ์ได้รับเอาแม่พระฟาติมามาบูชาด้วย เนื่องจากแม่พระฟาติมาได้ทรงปรากฏพระองค์ให้คนเลี้ยงแกะ 3 คนเห็น ที่เมือง Fatima ประเทศโปรตุเกสหลังจากที่ได้มีการบูชาพระแม่ฟาติมาที่โบสถ์แห่งนี้แล้ว การบูชาแม่พระฟาติมายังได้เผยแพร่ไปยัง ติมอร์ สิงคโปร์ และ มาเลเซีย ด้วย
ด้านบนทำเป็นวงรีประดับรูปเคารพซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Dominican orderเสาที่ประดับด้านหน้าเป็นเสาคอรินเธียนทั้งหมด หน้าต่างเป็นหน้าต่างบานเกล็ด ทาสีเขียวตัดกับสีของตัวอาคาร ช่องซุ้มประตูด้านหน้าทั้ง 4 ช่องตกแต่งด้วยปูนปั้นอย่างสวยงามเข้ากันกับเสาคอรินเธียนที่ค้ำทางเข้าโบสถ์
เวลาไปเที่ยวตปท ทีไร จะพยายามจัดทริปให้ได้ไปโบสถ์ด้วย เพราะน้องก้อย นับถือคริสต์ ^^
หลังจากนั้นเราก็จะเดินไปชม โบสถ์ St Paul แต่ต้องบอกตามตรงว่าตอนนั้น ลืมแผนที่เอาไว้ที่ห้องรู้แต่ว่าเดินจาก Senedo ขึ้นไป เดินมาถึงทางแยก ซ้ายขวา ต้องเลือกแล้วซิ แล้วทุ๊กกกกก ที เวลาต้องตัดสินใจเลือกทางทีไร มันไปผิดทุกที
ให้ดูแล้วกันว่า เราเดินกันยังไง
ปกติ เดินตามลูกศร สีแดง ก็ถึงแล้ว แต่เส้นที่เราเดิน คือ "สีเหลือง" ขาลากเลยซิค๊าบบบ
แต่โอเค ไม่เป็นไร ทางที่เราเดินไป ได้ผ่าน สุสานโปรตุกิส ด้วย ก็เลยได้แวะถ่ายรูปเพิ่มเติมอีกจุด (ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจเล้ยยย 555 ^^'' )
ป.ล. ถ้าใครอยากซื้อของที่ระลึก เช่นพวงกุญแจ ลูกแก้ว Magnet อื่นๆของมาเก๊า จะมีหลายร้านอยู่ถนน R.Dom Belchior Carneiro ซึ่งจากแผนนที่จะอยู่บนสุดตรงลูกศรสีเหลือง ที่ไปตั้งตรงนั้นเพราะเป็นจุดจอดรถทัวร์ครับ ^^
จัดซักรูป
ที่เห็นเป็นอาคารสีฟ้าๆ คือ อาคารที่อยู่ในสุสาน โปรตุกิส / ถนนที่นี่ สวยนะ จะว่าไป เพราะปูหินตามพื้นถนน เป็นลวดลาย ต่างๆ สวยงามเชียว
ระหว่างทางที่ " เดินหลง "เห็นถึงวัฒนธรรมที่ผสมผสาน ระหว่าง โปรตุเกส กับ มาเก๊า ได้อย่างชัดเจน
เพราะเราเดินหลงทำให้มาโผล่ที่ประตู St.Paul ทางด้านหลัง ก็เลยขึ้นไปชมวิวก่อน เพราะบันไดเลื่อนจะถึงก่อน ด้านบนจะมีพิพิธภัณฑ์มาเก๊าด้วยซึ่งเปิดให้เข้าชมวันอังคาร – วันอาทิตย์( 10 โมง – 6 โมงเย็น) ค่าเข้าคนละ 15 MOP แต่ถ้าจะชมวิวอย่างเดียวก็ไม่เสียเงิน ขึ้นบันไดเลื่อนไปด้านบน จะมีป้อมปืนใหญ่ สมัยก่อน และเห็นทิวทัศน์ มาเก๊า ได้จากด้านบน ด้วย ^^
วิว Panorama จากบนยอดเขา
ลงมาด้านล่าง มาต่อกันที่ ประตู St.Paul คราวนี้ของจริงละ ไม่มีหลง 5555
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล ( Ruins of St.Paul's ) ก่อตั้งขึ้นในปี 1594 และปิดในปี ค.ศ.1762 เป็นมหาวิทยาลัยตามแบบตะวันตกแห่งแรกของเอเชียตะวันออก หลังจากที่เกิดเพลิงไหม้ในปี 1853 ทั้งวิทยาลัยและโบสถ์ถูกทำลายจนเหลือแต่ด้านหน้าของตึก ฐานโบสถ์และบันไดด้านหน้า ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก
ซากประตู St Paul สัญลักษณ์ของ มาเก๊า ที่หนังโรแมนติก เรื่องไหนๆสมัยก่อน ก็ต้องมาถ่าย คนเยอะมากกกกกก
รูปปั้น ชายชาวฝรั่ง กับ ญ ชาวจีนที่ยื่นดอกไม้ให้ หมายถึงอะไร หาอ่านประวัติกันเอาเองนะ อิๆๆ
ถนนบริเวณด้านหน้า ประตู St.Paul ก็จะมุ่งกลับไปยัง Senedo Square สองข้างทางจะมีร้านขายของเพียบเลยทั้งของกิน เสื้อผ้า ของฝากที่เป็นของกิน เราก็หาซื้อได้จากที่นี่ ตอนนี้ก็เที่ยงกว่าๆ แล้ว เราก็แวะกินข้าวเติมพลังกันก่อน ฟ้ายังครึ้มๆอยู่ เราเลยตัดสินใจว่าบ่ายนี้ จะไปเที่ยว Fisherman's Wharf แทน
เส้นทางรถเมล์ จำไม่ค่อยได้ แต่เลือกรถเมล์ที่วิ่งไปทาง ท่าเรือ มาเก๊า (ให้เช็คแผนที่อีกทีนะครับ ) แต่ตัว Fisherman's Wharf เนี่ยจะอยู่ติดกันเลย ถ้าเดินมาก็ไม่ไกล หรือลงป้ายรถเมล์ที่ใกล้ๆกับ Sand Casino หรือ จตุรัส ดอกบัว (Lotus Square) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประกาศอิสรภาพ ขอมาเก๊าที่ได้รับจากโปรตุเกส
จาก Senedo Square ก็ไปต่อกันที่ Fisherman's Wharf นึกว่าเกี่ยวอะไรกับ คนตกปลา อ้าว มันเป็น เหมือน Aveneu สำหรับเดินเล่น มีส่วนจัดแสดง และคาสิโนอยู่ด้าน ใน ^^''
ส่วนดอกบัว เป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับในวันประกาศเสรีภาพ จากโปรตุเกส
เดินเล่น ถ่ายรูป ร้านค้าไม่ค่อยเปิดเท่าไร ไม่รู้ เจ๊ง หรือยังไม่เปิด ^^''
ทำอย่างกับ โคลอสเซียมที่อิตาลี เลย
ฝนตกปรอยๆ ตลอด เลยต้องคอยหลบฝนเป็นพักๆ สุดท้าย เลยกลับไปตายรังที่ Senedo หาข้าวกินตอนเย็นดีก่า ^^'' เสียดายจังถ้าอากาศดีกว่านี้ มาเก๊ายังมีที่เที่ยวอีกเยอะ ที่อยากไป
ติดใจร้านเดิม Wong Chi Kei คราวนี้ สั่งพวกข้าวมาทาน ไม่ผิดหวัง อร่อยมากๆ ^^